ขบวนพาเหรดหุ่นล้อการเมือง ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ฉลุย จัดเต็มครบถ้วน 10 ตัว สะใจกองเชียร์ ไร้เงาทหารเซ็นเซอร์ 2 สถาบันไม่พลาดแฉลบปมร้อนนาฬิกาหรู ไฮไลต์หุ่นยักษ์แบกพานรัฐธรรมนูญ พร้อมข้อความถอดรหัสกฎหมายสูงสุด ส่อกลายเป็นเครื่องมือการเมืองปูพรมแดง ให้ใครบางคน “บิ๊กป้อม” รูดซิปปาก ไม่พูดหลังกระแสโซเชียลกระพือกดดัน กห.ยันไม่มีคำสั่งทหารตบเท้าโหวตให้อยู่ต่อ พท.ฉะ “ไทยนิยม” กลไกอยู่ยาว-รีเทิร์นอำนาจ “เจ๊หน่อย” เย้ยโรคเลื่อนเลือกตั้งทำ คสช.ศรัทธาทรุด เชื่อ ก.พ.62 ก็เลื่อนอีก “นิพิฏฐ์” สำทับกระแสกู่ไม่กลับ คนไม่เชื่อเด็กเลี้ยงแกะ “วิษณุ” ย้ำครอบครัว “ปู” ต้องขออนุญาตอยู่บ้าน พท.โต้ยังเป็นกรรมสิทธิ์ ฉะยับคำพูดกรีดแทงหัวใจ ปชป.ดักคอ “บิ๊กตู่” ครม.สัญจรตะวันออก อย่าพุ่งเป้าหาเสียง
ขบวนพาเหรดหุ่นล้อการเมือง ในการแข่งขันฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 เป็นไฮไลต์ที่ถูกจับตาเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ หลังมีข่าวคสช.ตรวจสอบเข้มข้นไม่ต่างจาก 2 ปีก่อนหน้านี้ โดยสั่งเซ็นเซอร์ ห้ามทำหุ่นคล้ายผู้นำทหาร หรือ ล้อเลียนประเด็นนาฬิกาหรูนั้น
...
หุ่นล้อการเมืองไม่ถูกเซ็นเซอร์
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่สนามศุภชลาศัย มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 มีขบวนพาเหรดล้อการเมืองเป็นไฮไลต์ ท่ามกลางกระแสข่าว คสช.จับตาตรวจสอบเข้มข้นเช่นเดียวกับการแข่งขันครั้งที่ 70-71 ที่ผ่านมา ถึงขั้นสั่งห้ามในบางกรณี โดยตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 08.10 น. นักศึกษากลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มขนหุ่นล้อการเมืองที่ถูกพรางไว้จนไม่สามารถตีความหมายได้ พร้อมป้ายผ้าที่ถูกพับเก็บไว้อย่างมิดชิดนำมาวางไว้ที่จุดสตาร์ตขบวนพาเหรดล้อการเมือง ท่ามกลางสื่อมวลชนที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์จำนวนมาก โดยไม่ปรากฏเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาตรวจสอบหุ่นล้อการเมืองเหมือนการจัดงาน 2 ครั้งที่ผ่านมา มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลนอกเครื่องแบบเข้ามาบันทึกภาพหุ่นและรายงาน
ความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
ต่อมาช่วงเที่ยง นายลัทธพล ยิ้มละมัย นศ.คณะรัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ในฐานะประธานกลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขบวนล้อการเมืองมีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงตอนนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามากดดัน แค่มาบันทึกภาพไปบางส่วน ยืนยันว่าพาเหรดล้อการเมืองจะอยู่ในกรอบไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่โจมตีตัวบุคคล สะท้อนภาพสังคมให้คนดูแล้วนำไปต่อยอด
“จุฬาฯ” จิกกัด ป.ป.ช.–นาฬิกาหรู
กระทั่งเวลา 13.30 น. ขบวนพาเหรดของทั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มเคลื่อนเข้าสู่สนามศุภชลาศัย บรรยากาศในสนามเริ่มคึกคักขึ้น เมื่อกองเชียร์ได้เห็นหุ่นในพาเหรดสะท้อนสังคมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตัวที่ 5 ที่เป็นหุ่นสวมเสื้อฮาวายใช้มือปิดหน้าและคลุมหัวด้วยถุงสีเงินเขียนว่า ป.ป.ช. ด้านล่างมีภาพเรือดำน้ำ รถถังวางไว้ อีกทั้งเมื่อเข้าถึงในสนามมีการกางผ้าสีดำ ข้อความ “ห้ามล้อนาฬิกา เข้มบอลประเพณี ทำหุ่นคล้ายผู้นำก็ไม่ได้ นิสิตโวยโดนเซ็นเซอร์มีต่อหน้า 15” จากนั้นนิสิตจุฬาฯยังได้นำนาฬิกา 2 เรือน พร้อมแหวนเพชรมาติดที่ข้อมือหุ่นตัวนี้ ระหว่างนั้นบนอัฒจันทร์แปรอักษรของทางฝั่งธรรมศาสตร์ ได้มีการแปรอักษรล้อเลียนหุ่นตัวนี้ เป็นข้อความว่า “ระวังโดนซ่อม”
มธ.เหน็บคืนเพื่อนแล้ว–แต่ไม่ตาย
ต่อมาขบวนพาเหรดล้อการเมืองมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เคลื่อนเข้าสู่สนาม โดยไม่มีการสกัดกั้นจากเจ้าหน้าที่ เริ่มเผยโฉมหุ่นล้อการเมืองทั้ง 5 ตัว พร้อมป้ายผ้าที่ปิดบังไว้ หุ่นตัวแรก ชื่อยักษ์นนทก เป็นยักษ์นั่งถือหอก ข้อมือซ้ายมีข้อความเขียนว่า “คืนเพื่อนแล้ว” ด้านหลังสักยันต์คำว่า “แต่ผมไม่ตาย” และมีนิ้วเป็นสีเงินชี้มาที่ขาตัวเอง
ไฮไลต์หุ่นยักษ์แบกพาน รธน.
กระทั่งมาถึงหุ่นตัวสุดท้ายตัวที่ 5 ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของพาเหรดการล้อการเมืองในปีนี้ ใช้ชื่อว่า “รัฐธรรมนูญ” เป็นหุ่นที่จัดทำร่วมกันระหว่างทีมล้อการเมืองธรรมศาสตร์กับคณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ เป็นรูปพานรัฐธรรมนูญที่มียักษ์ 4 ตัวกำลังแบกอยู่ บนพานรัฐธรรมนูญมีกล่องที่ปิดพรางบางสิ่งบางอย่างไว้อยู่ พร้อมพาเหรดขบวนนักศึกษาชูป้ายข้อความนำหน้าว่า “เรื่องยักษ์นี้มีอีกเรื่องเคืองใจนัก สุมหัวผลักผลผลิต ดูแสลง ออกกฎยักษ์หลักไม่ดู ปูพรมแดง หวังตะแบงแกล้งไม่รู้ หูทวนลม” นอกจากนี้ ยังมีป้ายผ้าขนาดยักษ์สีแดงในขบวนด้วย ทั้งนี้ เมื่อขบวนหุ่นตัวสุดท้ายเคลื่อนมาถึงบริเวณอัฒจันทร์ในฝั่งปะรำพิธี กลุ่มนักศึกษาได้นำผ้าแดงขนาดยักษ์เขียนข้อความว่า “นายกฯคนนอก ม.272 ส.ว.ลากตั้ง บทเฉพาะกาล ม.269 ศาลเล่นการเมือง ม.144 พรรคทหารยุทธศาสตร์ 20 ปี มาตรา 65” มาปูบนพื้นแล้วนำหุ่นพานรัฐธรรมนูญ วางทับ พร้อมกันนี้ยังเปิดกล่องที่วางอยู่บนพานรัฐธรรมนูญ ปรากฏเป็นหน้าบุคคลวางอยู่ เรียกเสียงเฮดังลั่นสนาม
สื่อความหมายเครื่องมือการเมือง
นายลัทธพล กล่าวหลังสิ้นสุดขบวนพาเหรดล้อการเมืองว่า ปีนี้ขบวนพาเหรดล้อการเมืองสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ละตัวมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ต่างกัน โดยพยายามหยิบยกสิ่งสำคัญที่สุดในสังคมเพื่อสะท้อนออกมา อีกทั้งเป็นปีแรกที่มีการทำงานหุ่นล้อการเมืองร่วมกันระหว่างขบวนล้อสังคมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกลุ่มล้อการเมืองมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือหุ่นพานรัฐธรรมนูญที่เป็นไฮไลต์ของงาน ต้องการสื่อว่าว่ารัฐธรรมนูญ 60 จะเปลี่ยนสถานะไปสู่เครื่องมือทางการเมือง ผ้าแดงที่ทางจุฬาทำมาจึงเปรียบเหมือนพรมแดงที่ให้คิดต่อไปว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะปูไปสู่สิ่งใดหรือไม่ สำหรับความหมายของหน้าที่วางอยู่บนพานนั้น คือจากเดิมสิ่งที่อยู่บนพานต้องเป็นกฎหมายสูงสุด แต่กลับหักลงถูกแทนที่ด้วยเป้าหมายบางอย่างในรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ถือเป็นนิมิต หมายอันดีที่ขบวนพาเหรดล้อการเมืองไม่ถูกทหารตรวจสอบ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีที่ประเทศไทยจะมีบรรยากาศทางการเมืองที่ดีขึ้น
พท.เย้ย คสช.กลัวพลังนักศึกษา
ขณะที่ ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รู้สึกเศร้าใจที่เห็นข่าวทหารเข้าไปแทรกแซงการจัดขบวนพาเหรดล้อการเมือง กำกับไม่ให้พาดพิงประเด็นนาฬิกาหรู ห้ามทำหุ่นล้อหรือวิจารณ์ผู้นำรัฐบาล ตอกย้ำว่าเมืองไทยกำลังเกิดวิกฤติทางปัญญา การพูดความจริงกลายเป็นสิ่งต้องห้าม ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ยังดื้อรั้นที่จะนำพาประเทศไปในทิศทางเผด็จการนิยมแบบนี้ บ้านเมืองจะถดถอย นิสิตนักศึกษาเขารู้สึกอึดอัดที่ถูกปิดกั้นเสรีภาพ ทั้งที่พยายามแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ภายใต้กรอบของกฎหมาย แต่ คสช.กลับมายุ่งในเรื่องไม่ควรยุ่ง ผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็คงอึดอัดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องปกติที่เผด็จการทุกยุคทุกสมัยจะกลัวพลังบริสุทธิ์ของนิสิตนักศึกษา แต่ท้ายที่สุดแม้จะคุมเข้มขนาดไหน ก็ถูกนิสิตนักศึกษาออกมาขับไล่อยู่ดี
“บิ๊กป้อม” งดจ้อหลังโซเชียลกระหน่ำ
ด้านความเคลื่อนไหว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เมื่อเวลา 09.30 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พล.อ.ประวิตรได้เดินทางมาร่วมพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันทหารผ่านศึกประจำปี 2561 โดยได้ขึ้นไปวางพวงมาลาพร้อมเป็นตัวแทนวางพวงมาลาแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ก่อนเดินทักทายผู้บัญชาการเหล่าทัพและเดินทางกลับ โดยปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลังจากเปิดใจก่อนหน้านี้ว่า ถ้าประชาชนไม่ต้องการก็พร้อมจะออกจากตำแหน่ง ทำให้มีกลุ่มประชาชนหลากหลายกลุ่มร่วมลงชื่อผ่านโซเชียลมีเดียเสนอให้ พล.อ.ประวิตรลาออกจากตำแหน่ง สืบเนื่องจากกรณีครอบครองนาฬิกาหรู
กห.ยันไม่มีคำสั่งทหารโหวตอยู่ต่อ
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่เฟซบุ๊กเพจ CSI LAออกมาเผยแพร่บทสนทนากับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นทหาร ระบุว่า ขณะนี้มีหน่วยทหารหลายหน่วยถูกผู้บังคับ บัญชาเรียกประชุม เพื่อให้ไปกดโหวตผลสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม อยู่ในตำแหน่งต่อไปว่า เราไม่รู้ว่าเฟซบุ๊กเพจ CSI LA เป็นใคร และไม่รู้ว่าเจตนาคืออะไรที่กล่าวหาทหารโกงผลโหวต ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมไม่มีนโยบายดังกล่าว ไม่มีการสั่งการใดๆในเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าคนที่อ้างเป็นทหารมีตัวตนจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของทหารบางคนจนทำให้ทหารส่วนใหญ่ได้รับความเสียหาย อยากขอความเป็นธรรมให้ทหารด้วย หากมีการสั่งการแบบนั้นจริง ยอดคนโหวตน่าจะสูงกว่านี้ เพราะทหารทั้งประเทศมีกว่า 3 แสนคน แต่เราเคารพประชาชน ไม่อยากให้เกิดการแบ่งฝ่าย หรือมีการพูดจาในลักษณะสร้างความแตกแยก เพราะเราต่างมีบทเรียนจากอดีตร่วมกันมาแล้ว
พท.ชี้ “บิ๊กป้อม” รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้โพลหลากหลายสำนัก รวมทั้งเพจต่างๆ ในโซเชียล เริ่มมีการทำโพล รวมถึงล่ารายชื่อเพื่อขับไล่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้ออกจากตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของประชาชน แม้แต่กองหนุนยังเปลี่ยนใจออกมาไล่ เป็นปรอทวัดความนิยมตกต่ำลงไปมาก ที่อ้างเหตุเข้ามาสร้างความปรองดองจนป่านนี้ก็ยังไม่เกิด ที่อ้างจะแก้ทุจริตคอร์รัปชันกลับมีแต่จะทุจริตหนักขึ้นทุกวัน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้มีอำนาจพิจารณาตัวเองได้แล้ว ทางลงที่ดีที่สุดคือเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อย่ามัวแต่คิดหาวิธีอยู่ต่ออีกเลย ตอนนี้มีอำนาจอยู่ในมือยังจะไปไม่รอด ถึงเวลาที่คุณลุงทั้งหลายต้องกลับบ้านได้แล้ว พล.อ.ประวิตรน่าจะรู้คำตอบแล้ว ที่เคยพูดเอาไว้ว่าถ้าประชาชนไม่ต้องการ ท่านก็พร้อมจะลาออกนั้น จะรับผิดชอบต่อคำพูดอย่างไร หรือท่านยังไม่เชื่ออยู่อีก วันนี้เครดิตของผู้นำทุกระดับแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว หากยังขืนจะอยู่ต่อกันอีก ระวังจะจบไม่สวย
ฉะ “ไทยนิยม” แผนหวนคืนอำนาจ
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ทำโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยนิยมยั่งยืน จัดชุดปฏิบัติการทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน ลงพื้นที่พบประชาชนในตำบล หมู่บ้านทั่วประเทศว่า การไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม แต่ผุดโครงการไทยนิยม แสดงให้เห็นว่าจะยืดเวลาอยู่ในอำนาจต่อไป อาจมีความหวังได้กลับมาหลังการเลือกตั้งด้วย สิ่งที่ทำไปคงเพื่อให้ตัวเองกลับเข้ามาอีก และยิ่งผลโพลในระยะหลังๆ คะแนนนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์และ คสช.ลดน้อยลง ทำให้เริ่มไม่แน่ใจอนาคตหลังการเลือกตั้งจะได้กลับมาหรือเปล่า จึงต้องพยายามทำให้แน่ใจว่าตัวเองจะกลับเข้ามา
ประเคนคดีปิดปากหวังอยู่ยาว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับสถานการณ์ของ คสช.และรัฐบาลขณะนี้ ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ถูกกดดันจากสังคมอย่างหนักจากปัญหานาฬิกาหรู นายพงศ์เทพตอบว่า ถ้ารัฐบาลเปิดโอกาสให้คนวิจารณ์ได้เต็มที่ สื่อมวลชนวิจารณ์ได้เต็มที่ หรือถ้ามีสภาที่ทำงานกันอย่างจริงจัง เราคงได้เห็นกันอีกเยอะว่าสิ่งที่ทำไปแล้วไม่ถูกไม่ชอบ ไม่ควรมีอะไรบ้าง แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องต่างๆ ที่ออกสู่สาธารณะก็ทำให้คนรู้รัฐบาลนี้เป็นอย่างไร เขาคิดจะอยู่ยาวโดยไม่ให้ประชาชนวิพากษ์ในสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง จึงปิดปากคนที่ไม่เห็นด้วย มีการดำเนินคดีต่างๆ เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ พล.อ.ประยุทธ์ถามว่าประชาชนต้องการแบบเดิมๆ หรือต้องการแบบที่ทำอยู่ นายพงศ์เทพตอบว่า ถ้าถามประชาชนว่าต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่อย่างนี้ต่อไป หรือต้องการให้ไปเร็วๆ อาจได้คำตอบตรงตามความต้องการของประชาชนมากกว่า
เชื่อคนเข็ดแล้วระบอบเผด็จการ
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการดำเนินคดีกับกลุ่มนักศึกษาและประชาชนที่นัดชุมนุม “ประชาชนอยากเลือกตั้ง แสดงพลังต้านสืบทอดอำนาจ คสช.” ที่ลานสกายวอล์ก เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ว่า การที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวก็เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ทำตามคำพูด ที่บอกจะมีการเลือกตั้งปลายปี 61 เพราะวันนี้ประชาชนมีความเดือดร้อน ทั้งรายได้ตกต่ำและสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบาก ความหวังของพวกเขาคือการเลือกตั้ง แต่ สนช.กลับใช้เทคนิคทางกฎหมายเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก 3 เดือน จนการเลือกตั้งต้องเลื่อนไปเป็นปี 62 ทำให้ไม่มีใครมั่นใจว่าถึงเวลานั้นจะมีการเลือกตั้งหรือเลื่อนออกไปอีก การดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่เคลื่อนไหว ถ้าถึงขั้นต้องติดคุกจะกลายเป็นความขัดแย้งของประเทศครั้งใหญ่ วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ประชาชนทุกสีเสื้อ ทุกพรรคการเมืองมีความเห็นตรงกันคือต้องการเลือกตั้ง วันนี้ชัดแล้วว่าคนไม่เอาท่าน เพราะเข็ดหลาบกับการปกครองแบบเผด็จการที่ไม่มีใครสามารถทักท้วงและตรวจสอบรัฐบาลได้ ถ้าเห็นแก่ประเทศชาติ พล.อ.ประยุทธ์ก็ควรจัดการเลือกตั้งให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ์เลือกตัวแทนของตัวเอง
4 ปียังลำบาก สบายแต่คณะ คสช.
นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าไม่คัดค้านโครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่รัฐบาลระบุจะทำให้ประชาชน แต่ไม่เห็นด้วยที่หว่านเงินลงไปในสารพัดโครงการ ใช้เงินงบประมาณมหาศาล แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์หมดฝีมือแล้ว เพราะประชาชนคันข้างหลังแต่ท่านไปเกาข้างหน้า เกือบสี่ปีประชาชนยังลืมตาอ้าปากไม่ได้ โดยเฉพาะเกษตรกร พ่อค้าแม่ขาย จะสุขสบายก็แต่คณะและพรรคพวกของท่าน ส่วนที่นายกฯ บอกจะเป็นนักการเมือง เราไม่ได้เกรงกลัวว่าท่านจะเอาเปรียบ รัฐบาลจะใช้งบประมาณไปเท่าไรก็ไม่มีผลต่อคะแนนเลือกตั้ง เพราะประชาชนได้ตัดสินใจนานแล้วว่าจะเลือกใคร รอแค่มีโอกาสได้กาบัตรเลือกตั้งเท่านั้น รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์หมดเวลาแล้ว หรืออยากเลื่อนเลือกตั้งไปเรื่อยๆก็คิดเอาเอง
“เจ๊หน่อย” เย้ยคนเลิกเชื่อถือ คสช.
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสขาลงของรัฐบาลว่า สาเหตุที่ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของรัฐบาลและ คสช. เพราะไม่เป็นไปตามสัญญาและความคาดหวังของประชาชน โดยเฉพาะการสร้างความปรองดองที่ยังไม่ปรากฏให้เห็น การแก้ไขปัญหาทุจริตก็ไม่มีความชัดเจน แม้แต่การเลือกตั้งที่เคยให้คำมั่นสัญญาไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ก็ไม่ได้เป็นตามที่ประกาศ การพูดอย่างทำอย่างของรัฐบาล ทำให้ประชาชนรู้สึกอึดอัด รัฐบาลไม่ได้เคารพรัฐธรรมนูญที่ตัวเองทำ กลับทำสวนทาง โดยเฉพาะการต่ออายุให้ ป.ป.ช. วันนี้สังคมต้องทำให้ระบบการตรวจสอบกลับไปสู่มาตรฐานที่มีความเที่ยงธรรม ไม่เว้นหน้าใคร เป็นหน้าที่ของนายกฯ ในการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ ทำให้กระบวนการตรวจสอบกลับมามีประสิทธิภาพ เป็นกลาง
เชื่อ ก.พ.62 เลื่อนอีกไม่ได้เลือกตั้ง
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า สำหรับการเลือกตั้งนั้น ตนไม่เชื่อว่าจะมีกระบวนการเลือกตั้ง เพราะอยู่ในความมุ่งหมายที่ คสช.พยายามอยู่ในอำนาจต่อไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีการเลื่อนเลือกตั้ง บอกว่า ก.พ.62 ก็อย่าไปคิดว่าจะได้เลือก อาจจะมีเหตุการณ์ มีเหตุปัจจัยทางกฎหมาย ที่ทำให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นไม่ได้ เสมือนเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ก็มองเห็นร่องรอยของการดำรงความมุ่งหมายอยู่ตั้งแต่การยึดอำนาจเข้ามา แก้ไขกฎเกณฑ์ต่างๆเพื่อให้อยู่ในอำนาจได้ยาวนานที่สุด
“นิพิฏฐ์” สำทับ คสช.ร่อแร่กู่ไม่กลับ
ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับกลุ่มนักศึกษาและประชาชนที่นัดชุมนุม “ประชาชนอยากเลือกตั้งแสดงพลังต่อต้าน คสช.” ว่า อาการที่ คสช.และรัฐบาลเป็นอยู่ตอนนี้หนัก หายารักษายากมาก อาจถึงขั้นไร้ยารักษา อาการในทางการเมืองตามประวัติศาสตร์ จะเห็นว่าเวลามีปัญหาหนักขึ้นมา ไม่มีทางที่จะดีขึ้นได้ คสช.ต้องยอมรับการสำเร็จโทษของประชาชน เพราะประมาทในการใช้อำนาจ พอคนหรือกระแสสังคมปฏิเสธ มันไปไม่ได้หรอก ไม่มีทางที่จะเรียกกระแสกลับคืนมาได้แล้ว อาการ คสช.กับรัฐบาลเรื้อรังจนไม่มียารักษา เป็นเรื่องที่ก่อขึ้นมาเองกับมือ โทษใครไม่ได้ ต้องยอมรับ การเมืองอยู่ด้วยความไว้วางใจ ผิดถูกไม่รู้ รัฐบาลอาจถูกก็ได้ แต่คนไม่ไว้วางใจแล้วมันก็จบ เมื่อถามว่า หาก คสช.กลับลำไม่เลื่อนเลือกตั้ง แต่ให้มีเลือกตั้งโดยเร็วจะแก้ปัญหาทันหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ตอบว่า ไม่ได้แล้ว เรื่องที่พูดกลับไปกลับมา คนไม่เชื่อถือ เหมือนกับเด็กเลี้ยงแกะ เมื่อฝูงหมาป่ามาจริงๆจะวิ่งไปบอกให้ใครช่วยเขาก็ไม่ช่วย เพราะไม่มีใครเชื่อ ตนไม่อยากซ้ำเติมสถานการณ์ แต่ขอย้ำเอาไว้ว่าปัญหาเกิดจากความประมาทในการใช้อำนาจ ใช้โดยหลงอำนาจ มันยากที่จะแก้ไข
“วิษณุ” ย้ำสามี–ลูก “ปู” ต้องขออยู่บ้าน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี ระบุว่าคนในครอบครัวยังสามารถอยู่อาศัยในบ้านได้ ตราบใดที่คดียังไม่สิ้นสุดว่า หลักคืออยู่ไม่ได้ จะต้องขออนุญาตก่อน ถ้าไม่ขออนุญาตจะพักอาศัยในบ้านไม่ได้ แต่ปกติเมื่อยังไม่ขายบ้านทอด ตลาดเขาให้อยู่ แต่ถ้าดูแล้วพบว่ามีอะไรบางอย่างขึ้นมา อาจเปลี่ยนเป็นให้เช่าแทน ทราบว่ายังไม่ได้นำหมายไปติดประกาศที่บ้าน หากยังไม่ติดประกาศก็อยู่ได้ เพราะเท่ากับว่าเขายังไม่ได้รับแจ้ง แต่เมื่อหมายติดประกาศแล้วจะต้องมีการเจรจาตกลงกับเจ้าหนี้ว่าจะอยู่ต่อหรือไม่ โดยกระทรวงการคลังและกรมบังคับคดี แต่ปกติทุกรายเขาจะให้อยู่ ไม่เคยไม่ให้อยู่ ไม่ได้ว่าอะไรจนกว่าจะขายทอดตลาด เว้นแต่ไปยึดมาเป็นของกลางในกรณีทำผิดกฎหมาย เช่น เปิดบ้านเป็นซ่องโสเภณี บ่อนการพนัน เป็นต้น
พท.โต้ยังเป็นกรรมสิทธิ์เจ้าของเดิม
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่า การที่เจ้าพนักงานกรมบังคับคดียึดบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แล้ว จะทำให้นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี และนายศุภเสกข์ หรือน้องไปก์ อมรฉัตร บุตรชาย ต้องจ่ายค่าเช่าด้วย ต่อมาก็ระบุว่าอยู่ได้แต่ต้องขออนุญาตนั้น เห็นว่าการออกมาให้ความเห็นดังกล่าวต้องมีความระมัดระวัง ทั้งในแง่ของความถูกต้องตามกฎหมายและในแง่คุณธรรม การยึดทรัพย์ กรณีนี้มิใช่การยึดทรัพย์โดยคำพิพากษาของศาล เพราะในที่สุดแล้วต้องรอให้ศาลมีคำพิพากษาว่าอดีตนายกฯต้องรับผิดชดใช้หรือไม่ อย่างไรด้วย มิใช่การโอนกรรมสิทธิ์จากลูกหนี้มาเป็นของเจ้าหนี้ หรือของเจ้าพนักงานบังคับคดีแบบยึดทรัพย์ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อขายทอดตลาดแบบทั่วไป โดยเฉพาะกรณีบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ยังถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของเดิมอยู่ เพียงแต่มีข้อจำกัดห้ามจำหน่ายจ่ายโอนหรือก่อภาระผูกพันใดๆในอสังหาริมทรัพย์ เว้นแต่เมื่อมีการขายทอดตลาดบ้านนั้นได้แล้ว เจ้าของเดิมจึงจะหมดสิทธิที่จะอยู่อาศัยในบ้านอีกต่อไป ระหว่างนี้ทั้งสามีและบุตรชาย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็สามารถอาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าว ได้โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าใดๆ
อัด “วิษณุ” พูดกรีดใจคนเกี่ยวข้อง
นายชูศักดิ์กล่าวว่า ส่วนในแง่คุณธรรมนั้นควรพิจารณาให้มากว่าการพูดอะไรออกไป อาจกระทบ กระเทือนต่อความรู้สึกผู้เกี่ยวข้อง ไม่ควรพูดอะไรที่หมิ่นเหม่แบบคลุมๆ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องแน่นอนตามกฎหมาย เพราะในอดีตไม่เคยมีการยึดทรัพย์โดยอาศัยคำสั่งทางปกครองแล้วเอามาขายทอดตลาดทันที เนื่องจากยังมีคดีหลักอยู่ว่าลูกหนี้ต้องรับผิดหรือไม่อย่างไร ซึ่งยังไม่มีคำพิพากษา เพราะลูกหนี้โต้แย้งต่อสู้คดีอยู่ หากไปยึดทรัพย์ขายทอดตลาดทันที แล้วต่อมาศาลบอกว่าลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดจะเกิดความเสียหาย เพราะขายทอดตลาดไปแล้ว แต่รายของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์มีคำสั่งทางปกครองและยึดทรัพย์ทันที แถมยังใช้ มาตรา 44 ยกเว้นความรับผิดของเจ้าหน้าที่เข้าไปอีก กรณีนี้จึงพูดได้ว่าผิดปกติ
แฉเกมล้มโต๊ะคดีสลายชุมนุม 53
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ได้รับข้อมูลว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอจะยุติกระบวนการสอบสวนคดีผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายการชุมนุมปี 2553 ที่คั่งค้างอยู่ทั้งหมด โดยส่งเรื่องไปถึงอัยการว่าไม่พบผู้กระทำความผิด ซึ่งจะส่งผลให้การค้นหาความจริงและทวงถามความยุติธรรมเรื่องนี้ที่ยากเย็นอยู่แล้วยิ่งหนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก คำถามคือดีเอสไอดำเนินการเช่นนั้นจริงหรือไม่ มีสัญญาณลึกลับใดๆ ชักใยสั่งการหรือเปล่า ดังนั้นวันที่ 5 ก.พ.ฝ่ายกฎหมายและญาติผู้เสียชีวิตจะเดินทางไปพบ อัยการสูงสุดเพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้ทำความเห็น กลับไปยังดีเอสไอ เพื่อให้มีการสืบสวนสอบสวนเพิ่ม เติมจนถึงตัวผู้ต้องหาแต่ละกรณี อย่ายินยอมให้มีการฆาตกรรมความยุติธรรม เหยียบย่ำวิญญาณคนตาย เพราะแม้จะอ้างว่าหลายศพที่เสียชีวิตระบุคนทำผิดไม่ได้ แต่กว่า 20 รายที่ศาลชี้ชัดว่าเป็นกระสุนจากฝั่งเจ้าหน้าที่ คดีจะหายไปดื้อๆได้อย่างไร ใครก็ตามหากหลับหูหลับตารับใช้ผู้มีอำนาจ กรุณาลืมตาขึ้นดูบ้างว่าอำนาจแบบนี้จะอยู่ยงคงกระพันตลอดกาลหรือไม่
คาด 8 ก.พ.สรุปปมแย้งตั้ง กมธ.ร่วม
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการโต้แย้งเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. เพื่อนำไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายว่า ที่ประชุม กรธ.ได้มอบหมายให้คณะทำงานที่ประกอบด้วยกรรมการ กรธ.ที่เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ไปประชุมร่วมกันเพื่อรวบรวมประเด็นว่า เนื้อหาที่ผ่านการแก้ไขจาก สนช.นั้น มีส่วนใดที่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญบ้าง ก่อนนำเสนอประเด็นทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุม กรธ.เพื่อพิจารณาร่วมกันอีกครั้งว่าถ้าจะต้องโต้แย้งเนื้อหาจะเป็นไปรูปแบบใดและอธิบายเหตุผลกันอย่างไร คาดว่า กรธ.จะได้ ข้อสรุปโต้แย้งหรือไม่ ภายในวันที่ 8 ก.พ. อยู่ในกรอบเวลา 10 วันที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
ปชป.ดักคออย่าหาเสียง ครม.สัญจร
ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะเดินทางลงพื้นที่ และประชุม ครม.สัญจรที่ภาคตะวันออก จ.จันทบุรี และ ตราดนั้น ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส.ระยอง แถลงว่า ขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับภาคตะวันออก ขอเรียกร้องให้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังความต้องการของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง แล้วนำไปกำหนดเป็นโครงการพัฒนาต่างๆ ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้วางพื้นฐานการพัฒนาภาคตะวันออก เน้นการมีส่วนร่วมภาคประชาชน รักษาสมดุลของการพัฒนาตัวเลขทางเศรษฐกิจควบคู่กับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้น้ำหนักด้านการพัฒนาเศรษฐกิจมากกว่า ขาดสิ่งที่เป็นเรื่องคุณภาพชีวิตดังที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เคยทำไว้ จึงอยากเรียกร้องสิ่งนี้ ขณะที่รัฐบาลเองก็ประกาศว่าจะต้องได้ตัวเลขการลงทุน 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อลงมาสู่พื้นที่นี้ ขออย่าเป็นแค่ทัวร์นกขมิ้นหาเสียง หวังคะแนนนิยม
วอนฟังชาวบ้านอย่าเอียงกลุ่มทุน
นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อนายกฯจะไปประชุม ครม.สัญจร ก็ขอให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ให้มาก เพราะสังเกตเห็นว่านายกฯจะรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มทุนใหญ่ ทำให้ความโน้มเอียงของการคิดโครงการต่างๆ เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มทุนใหญ่ ขณะที่ชาวบ้านต่างเป็นห่วงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ดั้งเดิม โดยเฉพาะในจังหวัดที่ยังมีทรัพยากรธรรมชาติสวยงาม และมีศักยภาพในการท่องเที่ยว อาทิ จันทบุรี ตราด นายกฯต้องใจแข็ง ถ้ามีผู้ประกอบการ หรือกลุ่มทุนในพื้นที่เรียกร้องให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างเข้มข้น ต้องชั่งใจว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นคุ้มค่ากับทรัพยากรที่จะเสียไปหรือไม่ เพราะเกิดปัญหาการเก็งกำไรที่ดินในจังหวัดภาคตะวันออก