"วิษณุ" ชี้ยึดทรัพย์ "ยิ่งลักษณ์" ทำพอสมควร ไม่เอาถึงตาย บอกอายัดแล้ว อยู่ต่อได้ ห้ามดัดแปลง-รื้อถอน ชี้ช่องส่งทนายยื่นทุเลายึดทรัพย์ ด้าน "ทนายปู" ลุยยื่นคำร้องทุเลายึดทรัพย์ต่อ เผยทรัพย์สินถูกอายัดแล้วกว่า 30 รายการ
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 61 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี หลังศาลปกครองยกคำร้องขอทุเลาคำสั่งยึดทรัพย์ในคดีจำนำข้าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถมอบหมายให้ทนายยื่นขอทุเลาคำสั่งได้อยู่ ส่วนการยึดบ้านต้องดูว่าเอกสารสิทธิ โฉนด น.ส.3 ส.ค.1 เป็นชื่อใคร ถ้าเป็นสินสมรสสามารถยึดได้เฉพาะส่วนหนึ่ง
เมื่อถามว่า ตามคำสั่งมาตรา 44 ยึดทรัพย์แล้ว สามารถขายทอดตลาดได้เลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าทำได้ก็ทำเลย แต่ถ้าเป็นสินสมรสก็ไม่ควรทำ หรือถ้าเห็นว่ายังไม่ควรขายทอดตลาด เพราะอาจมีเรื่องคดีตามมาก็อย่าเพิ่งทำ ซึ่งกรมบังคับคดีพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่ควรขาย เพราะอาจจะมีการร้องขอให้ทุเลาคำสั่งยึดทรัพย์อีก ยืนยันทุกฝ่ายทำอย่างพอสมควร ไม่ใช่จะเอาเป็นเอาตาย เพราะขณะนี้ก็มีคนอยู่อาศัย แต่อย่างน้อยที่ยึดคือไม่สามารถที่จะนำไปขายได้ แต่เมื่อใดที่เห็นว่าทำแล้วจะไม่มีปัญหากรมบังคับคดีก็จะพิจารณาขายทอดตลาด
เมื่อถามว่า เมื่อกรมบังคับคดีอายัดบ้านแล้ว คนในครอบครัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถอยู่อาศัยต่อไปได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เข้าไปอยู่อาศัยได้ แต่ต้องขออนุญาตหรือเสียค่าเช่า เพราะมีหลายกรณีที่หลังจากรัฐยึดบ้านแล้ว ก็อนุญาตให้เข้าไปอยู่อาศัยได้ แต่เป็นการอยู่ในฐานะที่ได้รับการอนุญาตไม่ใช่เจ้าของ แต่จะไปตกแต่ง ทาสี ดัดแปลง รื้อถอนไม่ได้
เมื่อถามว่า หากพบว่ามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน จะมีการรายงานเข้ามาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ผู้ที่จะรู้ว่ามีการยักย้าย ถ่ายเท ทรัพย์สินหรือไม่คือ เจ้าหนี้ หรือกระทรวงการคลัง เพราะกรมบังคับคดีมีหน้าที่เพียงเข้าไปยึด โดยการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินนี้ มีกฎหมายไว้สำหรับติดตามอยู่แล้ว แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะมีการขายบ้านไปก่อน ตั้งแต่ยังไม่รู้คดี ก็ไม่สามารถดำเนินการได้
...
ด้าน นายนพดล หลาวทอง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวกรณี นายวิษณุ ระบุว่าสามารถยื่นคำร้องขอทุเลาการยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เรื่อยๆ ว่า ในส่วนบ้านนวมินทร์ 111 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ได้ถูกยึดแล้วตามที่กรมบังคับคดีได้ชี้แจงต่อศาล ซึ่งทางกรมบังคับคดีทำหนังสือชี้แจงไปเมื่อเดือน ส.ค. 60 โดยแจ้งให้ทางเจ้าของบ้าน หรือผู้ครอบครองได้รับทราบว่า บ้านนี้อยู่ในความดูแลของกรมบังคับคดี ซึ่งคนในบ้านก็ยังอยู่ได้ จนกว่าจะมีการขายทอดตลาด ตอนนี้ทรัพย์สินยังไม่ได้เปลี่ยนมือ ยังถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของเราอยู่ เพียงแต่อยู่ภายใต้การยึดของกรมบังคับคดี จึงเป็นเหตุให้ทีมทนายต้องไปยื่นคำร้องในวันที่ 8 ก.ย. 60 เพื่อขอความคุ้มครองจากศาล ซึ่งศาลได้พิจารณาเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ที่ศาลปกครองระบุยังไม่เห็นชอบที่จะให้ความคุ้มครองในเรื่องนี้ ซึ่งหลังจากนี้ทีมทนายก็จะยื่นคำร้องขอทุเลาต่อศาลปกครองใหม่อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการทำคำร้อง แต่ยังกำหนดวันชัดเจนที่จะยื่นศาลอีกครั้งไม่ได้ แต่จะยื่นแน่นอนเพราะกฎหมายและระเบียบเปิดช่อง ซึ่งจะยื่นคำร้องไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะกระบวนการก็ยังอยู่ในขั้นของการพิจารณาเพิกถอนคำสั่งที่ให้ชดเชยเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งทางศาลไม่ได้พิจารณาในเรื่องนี้ รวมถึงจะมีการร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกอายัดและยึด และห้ามขายทรัพย์ด้วย
"ในเมื่อเนื้อหาหลักของคดียังไม่ได้พิจารณา และระหว่างที่ศาลยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะเพิกถอนการชดใช้เงิน 3.5 หมื่นล้านบาทหรือไม่ ในกระบวนการต่างๆ ควรชะลอไว้ก่อน เพราะไม่เคยมีการบังคับคดีในระหว่างการพิจารณา ซึ่งยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ในส่วนของทางปกครองเองตั้งแต่มีกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการปกครองตั้งแต่ปี 39 ก็ไม่เคยปฏิบัติต่อรายอื่นในลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะรอฟังคำวินิจฉัยของศาลให้เสร็จสิ้นก่อน แต่เนื่องจากกระบวนการนี้มาโดยกระบวนการพิเศษ ตัวนายกฯ ตั้งคณะกรรมการเร่งรัดรวมถึงหน่วยงานต่างๆ โดยอาศัยอำนาจมาตรา 44 เลยทำให้กระบวนการผิดเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรม ไม่ควรจะจับตัวคนไปประหารก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา" นายนพดล กล่าว
เมื่อถามถึงทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ถูกยึดอายัดไปแล้วขณะนี้มีอะไรบ้าง นายนพดล กล่าวว่า มีหลายรายการ แต่จำไม่ได้ทั้งหมด เท่าที่ทราบคือบัญชีเงินฝาก คอนโด และที่ดินประมาณ 30 รายการ ซึ่งบัญชีเงินฝากก็นำไปแล้วกว่า 10 รายการ ซึ่งขณะนี้ทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัด ยังไม่มีการขายทอดตลาดหรือนำเข้าคลัง อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องมายื่นคำร้องด้วยตัวเอง เพราะไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นคดีทางปกครอง โดยตัวผู้รับมอบอำนาจสามารถดำเนินการแทนได้ ซึ่งตนก็ต้องดูแลต่อตามหน้าที่ไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ตาม