เขามาแล้ว...นายกฯคนนอกประกาศความพร้อมเต็มพิกัด เมื่อทุกอย่างเป็นใจให้ ที่เหลืออยู่ที่บุญวาสนาเท่านั้น ใครก็ขวางไม่ได้ เมื่อเหตุและปัจจัยต่างๆเอื้อหนุนแบบครบวงจร
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ก็ตรงประเด็นดีจะได้ไม่ต้องไปถาม ไปวิเคราะห์กันให้ยุ่งยากเมื่อ “เจ้าตัว” ประกาศเองแล้วว่า...เอาแน่
เพียงแต่ว่าจะไปถึงฝั่งฝันหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศชัดเจนแล้วว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วและพร้อมจะเป็นนายกฯคนนอก
คือมาตามกติกา เพราะรัฐธรรมนูญครึ่งใบกำหนดให้เป็นได้
บรรดานักการเมืองก็ต้องต้อนรับน้องใหม่กันได้เลย แม้ก่อนหน้านี้จะมาแบบ “ทหาร” เต็มตัวแต่เมื่อผันตัว อย่างนี้แล้ว
ก็อย่าไปรังเกียจรังงอน โจมตีว่าเป็น “ทหาร” กันอีกก็แล้วกัน
ถ้าหากจะเจาะลึกกันว่าเหตุไฉนจู่ๆก็ออกมาเปิดกลางแจ้งอย่างนี้ มีปัจจัยอะไรที่จะต้องทำอย่างนี้
เอ้า...ก็อยากจะเป็นนายกฯต่อไป มีปัญหาหรือ?
ว่าไปแล้ว ต้องไม่ลืมว่าจังหวะก้าวของนายกฯลุงตู่นั้น นับแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปี 61 มีอะไรหลายอย่างที่ต้องตัดสินใจ บางอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
การเมืองดูเหมือนบีบคั้นมากที่สุดถึงขั้นมีข้อเสนอให้พรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคคือ เพื่อไทยและประชาธิปัตย์จับมือกันเพื่อดันให้ทหารไปนอกสารบบการเมือง
ว่าที่จริง คนเสนอเรื่องนี้ หากไม่หลงลืม เพราะวัยหรือผิดเพี้ยนทางการเมืองน่าจะจำความว่าตัวเองเคยทำอะไรมาก่อน
เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองแต่ไม่สนับสนุนทหารที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเป็นนายกฯด้วยข้ออ้าง
“ข้อมูลใหม่”...
แต่วันนี้กลับมาเสนอในสิ่งที่ตรง กันข้ามกับที่กระทำมา ที่สำคัญก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้และไม่มีทางเป็นไปได้
ก็ลองดูซิ ทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทยมีหวังถูกแนวร่วมที่สนับสนุนถลกหนังหัวแน่ แม้จะเอาเหตุผลอะไรมาอ้างก็ตาม
เมื่อแรงการเมืองกดดันมากๆเข้า พล.อ.ประยุทธ์ก็แก้ลำทันควันด้วยการประกาศตัวเป็นนักการเมืองที่อดีตเคยเป็นทหารมาก่อน
เท่ากับว่าแยกตัวเองออกมาจากทหารจะได้ยุติการโจมตีประเด็นนี้
พลันที่เปิดทำงานวันแรกตลาดหุ้นไทยวิ่งฉิวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นเป็นการสะท้อนภาพว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยพุ่งโลดแน่
นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าแนวทางของรัฐบาลมาถูกทางและปัญหารากหญ้าจะคลี่คลายไปในทางที่น่าพอใจ
นี่แหละคือ จุดสำคัญที่เรียกคะแนนและการยอมรับ
พูดตรงๆก็คือจะได้ “กองหนุน” คืนมาแน่
อีกทั้งฉากลับๆก็ต้องไม่ลืมว่าทีมงานด้านการเมืองของ คสช.นั้นได้ทำงานการเมืองมาเป็นระยะๆ จนพอจะมั่นใจได้ว่าโอกาสได้ไปต่อนั้นมีสูง
การแอบติดต่อลับๆกับนักการเมืองค่ายต่างๆนั้นเป็นไปอย่างน่าพึงพอใจจนทำให้มีความมั่นใจได้ว่าจะมีฐานเสียงสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ
“กระสุนดินดำ” ก็พร้อมกว่าพรรคคู่แข่ง
นักการเมืองไทยนั้น หากไม่มีอุดมการณ์หรือหลักการจริงๆแล้ว การเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่การได้มีอำนาจนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ
ใครไม่ชอบที่จะได้เป็นรัฐบาลหรือ? ใครไม่ชอบที่จะอยู่กับผู้มีอำนาจหรือ?
อย่าไปสะดุด “นาฬิกา” ก่อนก็แล้วกัน!?!