"อภิสิทธิ์" ปัดวิจารณ์ "บิ๊กตู่" เปิดตัวเล่นการเมือง ถกเข้มฝ่าย ก.ม.ปชป.ก่อนยื่นศาล รธน.ตีความ ม.44 จับโกหก คสช.ตามตื๊อโรดแม็ปไม่เลิก

เมื่อวันที่ 4 ม.ค.61 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ออกมายอมรับว่า เป็นนักการเมืองแล้วว่า เป็นเรื่องดี นายกฯ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมานาน บทบาทเป็นเรื่องของการเมืองทั้งนั้น ขอให้ปฏิรูปโดยทำให้เห็นว่านักการเมืองที่ดีจะต้องเป็นอย่างไร ต้องมุ่งหน้าแก้ปัญหาให้กับประชาชน รับฟังเสียงประชาชน พร้อมรับการตรวจสอบ ยอมรับความแตกต่างทางความคิด ตนไม่ขอวิเคราะห์ว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่าเป็นนักการเมือง ถือเป็นการเปิดตัวสำหรับอนาคตทางการเมืองหรือไม่ ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ เอง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าทำให้ประชาชนเห็นว่าเป็นที่พึ่งได้ เชื่อว่าหลังจากนี้คงมีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นหลายพรรค ถือเป็นเรื่องดี เพราะประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายกฯ ระบุว่า หากมีปัญหาเกี่ยวกับกรอบเวลาตามโรดแม็ป ไม่ใช่ความรับผิดชอบของสภานิติบัญญัติ (สนช.) และ คสช.นั้น ตารางเวลาเลือกตั้งผูกอยู่กับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เงื่อนไขสำคัญ คือ กฎหมายลูกอีก 2 ฉบับ ต้องเสร็จเรียบร้อย หากมีการเลื่อนออกไป เหตุหนึ่งที่จะเกิดได้คือเรื่องของกฎหมาย จึงอยากให้ คสช.มีความชัดเจน ตรงไปตรงมากับประชาชน หากตั้งใจเดินทางตามโรดแม็ปในฐานะผู้มีอำนาจ ก็ต้องรับผิดชอบให้เดินไปตามนี้ เพราะแม่น้ำทุกสายมาจาก คสช.ทั้งสิ้น คสช.ต้องรับผิดชอบกับการที่บอกว่าไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้ในเรื่องของกฎหมายนั้น ไม่จริง เพราะคำสั่ง คสช.ล่าสุด ก็ออกมาแก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง จึงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ คสช.มีอำนาจพิเศษที่อยู่เหนือทั้งนิติบัญญัติและตุลาการ ตามมาตรา 44 หากยืนยันตามโรดแม็ปก็ให้ประกาศมา ถ้ามีปัญหาจะช่วยแก้ไข แต่ถ้าคิดว่าจะไม่เอาตามโรดแม็ปก็ต้องบอกให้ชัดว่าเพราะอะไร จึงจะเรียกว่ามีธรรมาภิบาลตามที่นายกฯ พูดทุกวัน

...

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ว่าด้วยเรื่องการดำเนินการตามกฎหมายพรรคการเมืองว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังดูช่องทางทางกฎหมายอยู่ เพราะขณะนี้ตัวกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีผลบังคับใช้ จะสามารถยื่นตรงได้หรือไม่ หรือมีช่องทางในการยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งเป็นคนละช่องทางตามรัฐธรรมนูญ จึงต้องดูให้รอบคอบว่าส่วนไหนมีความเหมาะสมที่สุด โดยฝ่ายกฎหมายจะสรุปและรายงานผลการพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในแง่ของการขัดรัฐธรรมนูญ ว่ากระทบใครอย่างไรบ้าง ซึ่งอาจไม่ตรงกันระหว่างผลกระทบที่มีต่อสมาชิกพรรคและพรรค

ส่วนกรณีที่ นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้พรรคประชาธิปัตย์จับมือกับพรรคเพื่อไทยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ยืนยันหลายครั้งแล้วว่า พรรคมุ่งเตรียมความพร้อมเพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนให้มากที่สุด การจะจับมือกับใครต้องยึดอุดมการณ์ที่ตรงกัน ซึ่งขณะนี้ไม่มีความคิดเรื่องนี้