สัญญาณเลือกตั้ง ตอบโจทย์ประเทศ
มีการคาดการณ์กันค่อนข้างชัดเจนไม่ว่าจะมาจากนักวิเคราะห์ โหรเกือบทุกสำนัก นักธุรกิจภาคเอกชน ผู้เชี่ยวชาญแทบจะตกกันหมดว่า เศรษฐกิจปีจอจะดีขึ้นชัดเจน
ไม่ได้อ้างจากฟากรัฐบาลเดี๋ยวจะไม่เชื่อถือกัน
การท่องเที่ยว การส่งออก การลงทุนโครงการใหญ่ๆของภาครัฐ การต่อยอดอีอีซี ที่ชัดเจนและองค์ประกอบอื่นๆอีกหลายอย่าง
ทิศทางและแนวโน้มมันน่าจะออกมาดี แต่จะดีมากดีน้อยนั้นอีกเรื่องหนึ่ง
ยิ่งได้รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่เข้ามาเป็นแผง แต่ละคนนั้นมีความสามารถพื้นฐานและกระตือรือร้นที่จะทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง
หวยไม่ออกก็ให้มันรู้กันไป
ว่าถึงการเลือกตั้งที่ยังเถียงกันไม่จบ แต่ล่าสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาเปิดเผย ว่า การจัดทำกฎหมายท้องถิ่นเพื่อเดินหน้าการเลือกตั้งท้องถิ่นมีความคืบหน้าไปมาก
ทั้งนี้ ได้มีการเสนอเรื่องคุณสมบัติของผู้บริหารท้องถิ่นให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 60 ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกาไปแล้ว
ต่อไปนี้จะต้องมีคุณสมบัติเข้มข้นไม่ต่างจาก ส.ส. ถ้า ครม. เห็นชอบด้วย และ สนช. ผ่านกฎหมายฉบับดังกล่าวก็จะนำไปสู่การเลือกตั้งท้องถิ่น
เริ่มต้นจะให้มีการเลือกตั้งในส่วนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ก่อนรวมถึงผู้ว่าฯ กทม. ด้วย เพราะหากเลือกตั้ง พร้อมๆกันทั้งหมดคือ เทศบาล อบต. และเมืองพัทยาพร้อมกันทั้งหมด เนื่องจาก อปท. หมดวาระครบทุกระดับทั่วประเทศ
หากเลือกตั้งพร้อมกันทั้งหมดจะเกิดความยุ่งยากได้
แต่ต้องรอคำสั่งจาก คสช.ก่อน ว่าจะให้เลือกตั้งเมื่อใด หากมองตามโรดแม็ปการเลือกตั้งท้องถิ่นน่าจะอยู่ในช่วง พ.ค.-มิ.ย. หรือ ก.ค. ปี 2561
ถือว่าเป็นข้อมูลใหม่ที่ชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากเป็นที่รับรู้กันแล้ว คสช.ต้องการให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อน เพียงแต่ก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรคืบหน้า ทราบแต่ว่ามีนโยบายจะให้เลือกตั้งระดับนี้ก่อน และได้รู้เพิ่มเติมว่าจะให้เลือก อบจ. และผู้ว่าฯ กทม. ก่อน
...
หากว่ากันนี้และไม่มีเหตุการณ์อื่นมาแทรกการเลือกตั้ง ส.ส. ก็น่าจะเป็นตามที่นายกฯระบุเอาไว้ว่าเป็นเดือน พ.ย. ปี 61
พูดง่ายๆว่าหักกลบลบหนี้แล้วก็คงจะราวๆนี้แหละ...
เพราะไม่มีเงื่อนไขหรือความจำเป็นอะไรที่จะต้องทำให้การเลือกตั้งช้าไปมากกว่านี้ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองมัน “สุกงอม” เพื่อไปสู่การเลือกตั้งแล้ว
“นักการเมือง” ก็ใจเย็นๆสักหน่อย อย่าให้การเมืองมันวุ่นวายมากไปกว่านี้ เดี๋ยวเขาไม่ให้เลือกตั้งก็ไปโทษใครไม่ได้
ที่ว่าอย่างนี้ คสช. จะดิ้นไปอย่างไรก็ไม่ได้แล้ว มีทางเดียว คือการจัดให้มีการเลือกตั้ง ส่วนปัญหาอื่นภายในรัฐบาลก็ต้องไปแก้ไขกันเองไม่มีใครช่วยได้
สัญญาณสำคัญอย่างหนึ่งน่าจะเป็นไปได้ว่า คสช. และรัฐบาล คาดหวังว่าจากนี้หากเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้านดีขึ้นทุกอย่างก็จะเข้าทางเอง
นั่นหมายถึงว่า “กองหนุน” ก็มีโอกาสที่จะเข้ามาเติมเต็มได้อีก เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม
ที่สำคัญก็คือในความเป็นจริงทางการเมืองนั้น อย่าลืมว่าตัวแปรทางการเมืองระดับที่คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ยังครั่นคร้ามอยู่นั้น ยังไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
ตรงนี้เลยเป็นโชคดีของ คสช. ที่จะยังต่อลมหายใจไปได้อีก.
“สายล่อฟ้า”