ปชป.-พท.รุมถล่มผู้นำจ้องยื้อเลือกตั้ง “สาธิต” ให้ “บิ๊กตู่” เลือกเองจะไปสวรรค์ หรือ ลงนรก ตอกอย่าบิดเบือนสถานการณ์ “วิรัตน์” ซัดมุ่งแต่เลื่อนเลือกตั้งไม่สนใจปากท้อง “ปู่พิชัย” ปลุก 2 พรรคใหญ่ ปชป.-พท.ผนึกกำลังสู้ คสช. ฟันธง “ชวน” เหมาะสุดนำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง “ภูมิธรรม” จับไต๋สร้างเงื่อนไขอยู่ในอำนาจต่อ “วรชัย” ย้อน “ประยุทธ์” ตัวการขัดแย้งไปทั่ว ชทพ.ยังมั่นใจได้เลือกตั้ง พ.ย. ถามใครกล้าทวนกระแส “พรเพชร” ยันไร้สัญญาณคว่ำ ก.ม.ลูก “สมชัย” ฉะหลักนิติรัฐแกว่ง ชี้ รธน.ไม่สำคัญเท่าดุลอำนาจ “ประยุทธ์” ขอสื่อปีใหม่นี้ตีปี๊บแต่เรื่องดีๆ “ศรีสุวรรณ” บี้ ป.ป.ช.เอาผิดนายกฯซื้อลูกหมาแจก “บิ๊กป๊อก-บิ๊กฉัตร”
จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ออกมาส่งสัญญาณว่า หากสถานการณ์ยังไม่สงบอาจไม่มีเลือกตั้งนั้น ทำให้นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเตือนว่าช่วงนี้ถือเป็นทางแยกสำคัญของรัฐบาล ที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลือกระหว่างทางไปสวรรค์ หรือจะลงนรก

...
ให้ “บิ๊กตู่”เลือกไปสวรรค์-นรก
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้า พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองปี 2561 ว่า เป็นทางเเยกสำคัญของรัฐบาล ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นผู้เลือกเองว่าเลือก ทางไหน ระหว่างทางนรก หรือทางสวรรค์ ถ้าเลือกเส้นทางถูก ใช้เวลา 1 ปีที่เหลือ รักษาคำพูดปูทางโรดเเม็ปไปสู่การเลือกตั้งที่มีคุณภาพ วางโครงสร้างประเทศให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเลือกนายกฯและรัฐบาลของตัวเอง จะเป็นเส้นทางไปสู่สวรรค์ ไม่มีปัญหาต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าหาข้ออ้างสืบทอดอำนาจเป็นนายกฯต่อ ใช้กลอุบาย ไม่ทำตามสัญญา หาทางต่ออำนาจให้ตนเอง โดยไม่สนใจความเดือดร้อนประชาชนส่วนใหญ่กับปัญหาเศรษฐกิจ ขอเตือนเอาไว้ก่อนว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางนรก จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่หลังลงจากอำนาจ
ตอกอย่าบิดเบือนสถานการณ์
นายสาธิตกล่าวว่า ไม่มีใครเดาสถานการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เเต่จากประวัติศาสตร์มีบทเรียนให้เห็นว่า ใครไม่คิดทำเพื่อประชาชนจุดจบจะไม่สวยงาม และใครทำเพื่ออำนาจตัวเอง จุดจบต้องมีอันเป็นไป กรณีที่ผู้มีอำนาจออกมาขู่ว่าหากสถานการณ์ยังไม่สงบอาจไม่มีเลือกตั้งนั้น ถือว่าบิดเบือนสถานการณ์ทำร้ายประเทศ เพราะวันนี้ไม่มีสถานการณ์แบบนั้นต่อไปแล้ว มีเเต่การถกเถียงเรื่องการเมือง ที่เป็นเรื่องปกติ ไม่มีเหตุการณ์ไม่สงบใดๆทั้งสิ้น จึงเป็นข้ออ้างที่ผู้พูดหวังผลอะไรยังไม่เเน่ใจ ยากจะคาดเดา

ไม่สนใจใครมุ่งแต่เลื่อนเลือกตั้ง
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีคำถามถึงรัฐบาล คสช.ที่เหลืออายุ 1 ปีตามโรดเเม็ป คือ 1.รัฐบาลนี้ยังอยู่ในหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัดหรือไม่ 2.หลักนิติธรรม การใช้มาตรา 44 แก้ปัญหา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ถูกต้องหรือไม่ 3.หลักคุณธรรม ได้ยึดถือความถูกต้องดีงามหรือไม่ 4.หลักความโปร่งใส ถือเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล และ คสช. 5.หลักการมีส่วนร่วม รัฐบาลนี้ยิ่งอยู่นาน ประชาชนยิ่งมีส่วนร่วมน้อยลง เป็นเเนวคิดระบบราชการของผู้มีอำนาจ และ 6.ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ยิ่งนานวันความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจยิ่งน้อยลง อาจเป็นเพราะต้องการเสพอำนาจต่อหรือไม่ แต่การประกาศจะเลือกตั้งในเดือน พ.ย.2561 แล้วมีท่าทีจะเลื่อนออกไปอีก โดยไม่สนใจเศรษฐกิจปากท้องทรุดหนักเเค่ไหน จึงขอยกคำพูด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เตือนสตินายกฯว่าท่านใช้กองหนุนหมดเเล้ว
ปลุก ปชป.-พท.ผนึกสู้ คสช.
ขณะที่นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในสถานการณ์แบบนี้ไม่มั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปจับมือกับทหารจัดตั้งรัฐบาล ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรยังไม่ทราบ วันนี้อายุมากแล้วคงไม่มีโอกาสได้เห็นประชาธิปไตยที่แท้จริงอีกต่อไป ดูจากการเขียนรัฐธรรมนูญหน้าตาออกมาอย่างนี้ ดูเหมือนผู้มีอำนาจยังต้องการเป็นรัฐบาลต่อไป โดยมี ส.ว. 250 คน มาเป็นกำลังหนุน จึงไม่มีทางอื่นที่พรรคการเมืองจะต่อสู้ได้ นอกจากพรรคใหญ่ทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทยต้องหันหน้ามาจับมือ แม้จะเป็นได้ยาก เพราะมีบาดแผลต่อกัน แต่ต้องทำ ต้องหันมาปรองดองกันก่อน ถ้าไม่ทำไม่มีทางชนะจัดตั้งรัฐบาลได้ ผู้นำของประชาธิปัตย์และเพื่อไทยต้องทำเพื่อสู้ให้ได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา ถ้าสู้ในกติกานี้โดยไม่ร่วมมือกัน ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางชนะ

ขอ “ชวน” หวนนำทัพ ปชป.สู้ศึก
นายพิชัยกล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์พรรคประชาธิปัตย์กับการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้านั้น ในใจตอนนี้มองเห็น 4-5 คนที่จะร่วมกันนำประชาธิปัตย์สู้ศึกเลือกตั้ง ทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรค โดยผู้ที่เหมาะสมจะเป็นหัวหน้าพรรคนำสู้ศึกเลือกตั้งที่สุดคือนายชวน แล้วให้นายบัญญัติ นายจุรินทร์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นรองหัวหน้าพรรค ช่วยกันขับเคลื่อนพรรค อยากเห็นทีมเวิร์กแบบนี้ แม้นายชวนจะมีอายุมากแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่นายชวนยังมองไม่เห็นคนอื่น หรือทางอื่นที่ประชาธิปัตย์จะได้คะแนนมากกว่าในสถานการณ์แบบนี้

จับไต๋ผู้นำสร้างเงื่อนไขอยู่ต่อ
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอบคุณนายกฯที่แสดงความเห็นออกมาดังๆ ทำให้เราเข้าใจวิธีคิดมากขึ้น แต่หวังว่าไม่ใช่การพูดข่มขู่หรือหวังสกัดกั้นไม่ให้ฝ่ายต่างๆ ได้แสดงความคิดเห็น เพราะทุกฝ่ายทั้งประชาชนและภาคการเมือง ต่างหลีกเลี่ยงไม่สร้างเงื่อนไขที่ทำให้สังคมเกิดความไม่สงบ ทุกคนอยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้า กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว แต่การที่นายกฯออกมาพูดว่าอาจไม่มีการเลือกตั้งหากบ้านเมืองยังไม่สงบนั้น ตีความหมายของความไม่สงบหรือวุ่นวายอย่างไร มีเพียงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเท่านั้น หลังรัฐประหารระบบการตรวจสอบภาครัฐอ่อนแอ แทบไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเลย ดังนั้น สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดเป็นการสร้างความหวาดระแวง สร้างเงื่อนไขเพื่ออยู่ในอำนาจต่อ
เศรษฐกิจดีจริงไม่ต้องตีปี๊บ
นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ส่วนที่รัฐบาลระบุว่าเศรษฐกิจในปี 2561 จะเฟื่องฟูนั้น ถ้าดีจริงไม่ต้องออกมาประชาสัมพันธ์ ชาวบ้านรับรู้เองว่าดีจริงอย่างที่พูดหรือไม่ แต่วันนี้การใช้จ่าย กำลังซื้อของประชาชนต่ำมาก ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์หลายคน พูดตรงกันว่ามีเพียงแค่ภาคส่งออกที่โตขึ้น แต่ก็ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เพราะระบบการเมืองที่ไม่มีความชัดเจน มีเพียงแค่บริษัทขนาดใหญ่ที่โตขึ้น ต้องทำให้ระดับล่างโตด้วย ที่สำคัญคือต้องทำให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เดินหน้าเลือกตั้งตามโรดแม็ปเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืน
ย้อน “บิ๊กตู่” ตัวการขัดแย้ง
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดแบบนี้เพื่ออะไร เพราะคนที่ขัดแย้งกับทุกกลุ่มคือตัว พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจไปบังคับใช้ปากว่าคนอื่นไม่ดีไปหมด แม้แต่คนที่ต่อสู้ด้วยกันมาอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ยังออกมาวิพากษ์วิจารณ์ กลุ่ม ข้าราชการ กลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ใช้มาตรา 44 พักราชการ ย้ายไปประจำสำนักนายกฯ ทำให้ทุกฝ่ายเกร็งไปหมด หรือกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางที่ออกมาเรียกร้อง ต้องขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศมา 3 ปีกว่า ทำให้ทุกกลุ่มมวลชนทุกสีเสื้อพูดตรงกันว่า บริหารประเทศล้มเหลวทุกด้าน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การปฏิรูปการเมือง แก้ปัญหาคอร์รัปชัน เท่ากับทุกกลุ่มเป็นคู่ขัดแย้งของ พล.อ.ประยุทธ์

ซัดหาข้ออ้างลากยาวอำนาจ
นายวรชัยกล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์อย่าบิดเบือนว่ายังมีความขัดแย้ง การพูดลักษณะนี้แสดงว่าหาเหตุผลเลื่อนเลือกตั้งออกไปอีกใช่หรือไม่ ที่ผ่านมาอ้างเรื่องกฎหมายลูกยังไม่เสร็จ อ้างว่าพบอาวุธจะเกิดเหตุรุนแรง มาครั้งนี้บอกว่าขัดแย้งอีก ทั้งที่ไม่มีใครขัดแย้งกัน ผลที่สุดเพื่อนำไปสู่การเลื่อนเลือกตั้งอีกครั้ง เหมือนที่เคยบอกว่าจะมีเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2558 หรือจะเลื่อนเลือกตั้งไปเป็นปี 2562-2563 เลยหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นเรื่องความเชื่อมั่นคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว
ดักคออย่าบิดพลิ้วโรดแม็ป
นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายกฯควรพูดว่ารัฐบาลจะทำตามกฎหมาย ตอนนี้ยังมองไม่เห็นเหตุทำให้ไม่มีการเลือกตั้ง แต่ถ้าไม่มีจริงรัฐบาล คสช.ต้องบอกให้ชัดว่าเพราะอะไร ที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กังวลว่าหาก สนช.คว่ำกฎหมายลูกบางฉบับอาจทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปนั้น ถ้าเป็นจริงแสดงว่ารัฐบาลต้องการสืบทอดอำนาจ เป็นการเปิดตัวล่อนจ้อน ทีกฎหมายบางฉบับผ่าน 3 วาระรวด แต่พอเป็นกฎหมายเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนกลับใช้เวลานาน รัฐบาล คสช.ควรพอได้แล้ว อยู่มา 4 ปีไม่มีอะไรดีกว่านี้ มีแต่สาละวันเตี้ยลง เมื่อถามว่ากรณีตระกูลสะสมทรัพย์ พอสะท้อนได้ว่ายิ่งใกล้วันเลือกตั้งคงมีความพยายามดึงคนในพรรคเพื่อไทยออกไป นายสมคิดตอบว่า ปกติการเมืองหลังการยึดอำนาจ ทหารจะตั้งพรรค ดึงคนจากหลายพรรคไปอยู่ด้วย แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยยังไม่มีใครขยับ แม้ก่อนหน้าจะมีความพยายามมาพูดคุย ทาบทามอดีต ส.ส.เพื่อไทยให้ไปร่วมด้วย เท่าที่ถามเพื่อนอดีต ส.ส.อีสานยังไม่มีใครออกไป การย้ายพรรคช่วงใกล้เลือกตั้ง ถือเป็นเรื่องปกติ พรรคเพื่อไทยคงมีทั้งคนย้ายเข้าและย้ายออกไป แต่เท่าที่รู้วันนี้ยังไม่มีใครขยับออกไป
ชทพ.มั่นใจได้เลือกตั้ง พ.ย.แน่
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การที่นายกฯระบุว่าหากการเมืองยังวุ่นวายอาจไม่มีเลือกตั้งนั้น ยังเชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย.2561 เชื่อถึงขั้นว่าเป็นวันอาทิตย์สัปดาห์ที่สามของเดือน พ.ย.ด้วยซ้ำ ยังมั่นใจเช่นนั้น แต่ที่พรรคการเมืองหวาดหวั่นคือกลัวว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเร็วกว่านั้น ไม่ใช่กลัวว่าจะช้ากว่า เพราะถ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าโรดแม็ปกำหนด คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ใช้มาตรา 44 พรรคการเมืองจะทำไม่ทัน คงเป็นการให้ความเห็นทางการเมืองของนายกฯ เพื่อลดความขัดแย้งลง
ใครกล้าทวนกระแสประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาโรดแม็ปถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ อาจทำให้เข้าใจไปเช่นนั้น นายนิกรตอบว่า ขณะนี้มีที่ต้องจับตาคือกฎหมายลูก 2 ฉบับคือร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. แต่ทั้งรองประธาน สนช. รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ผบ.ทบ. ต่างออกมาพูดย้ำแล้ว ถือว่าเป็นฝ่ายที่ถืออำนาจอยู่จริงเป็นองค์ประกอบหนึ่งของรัฐบาล ทั้งสามมุมนี้ออกมาย้ำพร้อมกันในห้วงเวลาเดียวกันถือว่าไม่น่าห่วง จึงยังเชื่อมั่นในโรดแม็ป เพราะไม่มีเหตุผลอื่นที่จะทำให้กฎหมายทั้ง 2 ฉบับนั้นตกไป อีกทั้งจากผลสำรวจความเห็นประชาชนต้องการให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว แล้วใครจะกล้าไปทวนกระแสตรงนั้น เพราะเสียงประชาชนคือเสียงที่ดังที่สุด จะไม่ฟังบ้างหรือ

“พรเพชร” ยันไร้สัญญาณคว่ำ ก.ม.
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า โรดแม็ปเลือกตั้งยังคงเดินหน้าไปตามปกติ ดูจากปัจจัยเรื่องกฎหมายเป็นหลัก เท่าที่ดูยังเป็นไปได้ด้วยดี ส่วนปัจจัยอื่นเป็นเรื่องที่แม่น้ำสายอื่นต้องประเมิน ที่ผ่านมาพูดกันมากเรื่องการคว่ำกฎหมายลูก ไม่คิดว่าจะมีการคว่ำกฎหมายได้ เพราะต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 การใช้เสียงขนาดนั้นต้องมาพูดจาล็อบบี้ส่งสัญญาณกัน แต่ยังไม่เห็นสัญญาณที่ว่านั้น คิดว่าถ้าจะคว่ำกฎหมายคงไม่ใช่เรื่องลี้ลับอะไร ปกปิดอย่างไรคงลำบาก
ใช้อำนาจ ม.44 แก้ รธน.ไม่ได้
เมื่อถามว่า หากกฎหมายเลือกตั้งประกาศใช้ไปแล้ว แต่เกิดมีการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งอีก จะมีผลต่อการกำหนดวันเลือกตั้งหรือไม่ นายพรเพชร ตอบว่า เมื่อกฎหมายเลือกตั้งประกาศใช้แล้ว ต้องนับเวลาไปอีก 150 วันเพื่อให้มีการเลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ยังไม่อยากสมมติ ไม่อยากคิด แต่ถ้าพูดถึงหลักกฎหมาย มีทางทำได้เพียงทางเดียว คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ทำได้หรือเปล่ายังไม่รู้ เพราะบทบัญญัติของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมีเงื่อนไขค่อนข้างมาก เพราะผ่านการทำประชามติมา และรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ดังนั้น จะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยใช้มาตรา 44 คงไม่ได้ อำนาจ คสช.ที่ใช้มา ยังไม่เคยมีกรณีไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“สมชัย” จวกหลักนิติรัฐแกว่ง
วันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า หลายกรณีในบ้านเมืองนี้ ชี้ให้เห็นว่ายังห่างไกลจากสังคมนิติรัฐ ที่ปกครองด้วยหลักของกฎหมาย ทุกคนในสังคมอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียม วันนี้แค่นิติรัฐก็ยังแกว่ง เขียนรัฐธรรมนูญกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระเสียสวยหรู แต่พอจะออกกฎหมายลูกมาบังคับใช้ กลับมีข้อยกเว้นเต็มไปหมดให้แก่บางองค์กร นี่เรียกว่า ขาดทั้งนิติรัฐและนิติธรรม เรียกว่าไม่มีน้ำยาในการบังคับใช้ให้เป็นนิติรัฐ
รธน.ไม่สำคัญเท่าดุลอำนาจ
นายสมชัยยังระบุอีกว่า กำหนดกฎเกณฑ์ให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องแจ้งรายการทรัพย์สินเพื่อป้องกันการทุจริต พอนักการเมืองเล็กๆ เช่น นักการเมืองท้องถิ่นลืมแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ก็เล่นงานเขาเสียเต็มแม็ก แต่พอผู้มีอำนาจมีพฤติกรรมเป็นที่เคลือบแคลงสงสัย ผู้ทำหน้าที่กรรมการในองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องแทนที่จะตรวจสอบจริงจัง กลับให้ท้ายบอกว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วคงไม่ทำอะไรผิดรัฐธรรมนูญเขียนกรอบเวลาชัดเจนว่า เมื่อกฎหมายลูกสำคัญ 4 ฉบับเสร็จ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อไร ต้องจัดการเลือกตั้งให้เสร็จสิ้นไม่เกิน 5 เดือน วันนี้ผู้มีอำนาจเริ่มไม่สนใจสิ่งที่เขียนในรัฐธรรมนูญ ถึงขนาดบอกว่า หากบ้านเมืองยังขัดแย้งกันอาจไม่มี เลือกตั้ง แปลว่าสิ่งที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ผ่านกระบวนการประชามติมา ไม่สำคัญเท่าการประเมินสถานการณ์ของผู้มีอำนาจ แล้วจะเรียกสังคมนิติรัฐได้อย่างไร สงสารแวดวงวิชาการจะสอนหนังสือกันอย่างไร หากต้องยกตัวอย่างเรื่องนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศ และสงสารยิ่งต่อนักวิชาการที่เข้าไปร่วมสร้างกฎหมายในยุคนี้

“ประยุทธ์” ขอสื่อตีปี๊บแต่สิ่งดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวกับผู้สื่อข่าวในช่วงก่อนสิ้นปี 2560 ว่า ในปี 2561 อยากฝากสื่อมวลชนหากไม่มี เรื่องราวสำคัญขอให้เสนอแต่สิ่งดีๆ สิ่งที่เป็นความสุข ผลการทำงานของรัฐบาลจะปรากฏออกมาเรื่อยๆ แต่ยอมรับว่าไม่เร็ว เพราะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาของประเทศ รัฐบาลต้องรับผิดชอบทุกอย่าง และจะพยายามทำให้เร็วขึ้น แต่ถ้าเร็วมากเกินไปจะเสียหาย หลายคนอยากให้แก้เร็วๆ สิ่งที่มุ่งมั่นในปีหน้าคือจะทำงานให้ มากขึ้น แต่การแก้ปัญหาบางเรื่องมีความทับซ้อนกัน ฝากสื่อช่วยกันประชาสัมพันธ์ หรือประชาชนมีความ ต้องการอะไรก็สื่อเข้ามา บางครั้งเราไม่ทราบว่าประชาชนมีข้อสงสัยตรงไหน ยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหาอะไรกับสื่อ ขอให้ช่วยกันทำปีใหม่ปีนี้เป็นปีแห่งความสุข
งดเรื่องไม่ประเทืองปัญญา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ปีใหม่นี้อยากให้สื่อมวลชนช่วยกันลดปัญหาการใช้ความรุนแรงในสังคมไทย บางครั้งการจัดรายการข่าวให้คนโต้เถียงกันในเรื่องเล็กน้อย อาจเป็นปัญหา เพราะคนส่วนใหญ่ตัดสินไปแล้วว่าใครถูกผิด พอตำรวจตัดสินก็บอกว่าไม่ตรงตามหลักฐาน กลายเป็นตำรวจผิด สื่อมวลชนควรระวังในการนำเสนอ การนำเสนอแบบนี้ไม่ประเทืองปัญญา ไปให้ความสำคัญกับเรื่องไม่มีสาระ เป็นเรื่องส่วนตัวที่กฎหมายต้องเข้าไปจัดการ แต่เอามาดีเบตทำให้คนผิดกลายเป็นถูก ทำให้กระบวนการยุติธรรมมีปัญหา
ชี้นายกฯซื้อลูกหมาแจกผิด ก.ม.
อีกเรื่อง นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ซื้อลูกสุนัขพันธุ์บางแก้ว 3 ตัว ในราคาตัวละ 6,000 บาท มอบให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ คนละตัวการกระทำดังกล่าวปรากฏเป็นการทั่วไปต่อหน้าสื่อมวลชนและสาธารณชน การให้หรือรับของขวัญซึ่งเป็นสุนัข ถือว่าเป็นทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาตรา 103 ประกอบข้อ 5 (2) ของประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมถึงระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการให้หรือรับของขวัญของเจ้าหน้าที่รัฐ
ร้อง ป.ป.ช.พ่วง “บิ๊กป๊อก-บิ๊กฉัตร”
นายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ฉัตรชัย จึงเข้าข่ายความผิดต่อกฎหมายดังกล่าวโดยชัดแจ้ง และเพื่อไม่ให้เป็นกรณีที่ผ่านเลยไปโดยกฎหมายไม่มีสภาพบังคับ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบและใช้อำนาจหน้าที่ลงโทษทั้ง 3 ตามที่กฎหมายบัญญัติในวันที่ 3 ม.ค. เวลา 10.30 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช.