คสช.พร้อมตรึงกำลังดูแลความเรียบร้อยปี 2561 ยังไม่พบปัจจัยทำเลือกตั้งเคลื่อนจากสิ้นปี ยันใช้วิธีละมุนละม่อมพูดคุยมากกว่าเชิญเข้าค่าย แม่ทัพภาคขึงขังจับตาผู้ก่อความไม่สงบ คาดได้เลือกตั้งท้องถิ่น-ผู้ว่าฯ กทม. กลางปี นายกฯหวังท่องเที่ยวเฟื่องฟูต่อเนื่อง ฝันเห็นสมาร์ทซิตี้ พร้อมย้ำสัญญาณเศรษฐกิจขาขึ้น แม่น้ำ 5 สายยันโรดแม็ปไม่ขยับ ไร้สัญญาณคว่ำ ก.ม.ลูก “สมชัย” ชี้กติกาใหม่พรรคเกิดใหม่น่าห่วงกว่า หวั่นกระแสเอา-ไม่เอา “บิ๊กตู่” ขัดแย้งซ้ำรอย “ทักษิณ” กระตุกผู้นำอย่าหลงกระแส “มาร์ค” วอนเลิกพูดเสียทีคนจนหมดประเทศ ไม่มีทางเป็นไปได้ “วัฒนา” เย้ยแนวร่วมตีจาก คสช. เย้ยอย่าหาข้ออ้างยื้ออยู่ต่อ

เริ่มศักราชใหม่ปี 2561 ท่ามกลางความคาดหวังของหลายฝ่ายว่า จะมีการเลือกตั้งช่วงสิ้นปีตามโรดแม็ป โดยเฉพาะบรรดานักการเมืองที่เฝ้ารอสิ่งนี้มาเนิ่นนาน กระนั้นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะยังคงดูแลสถานการณ์บ้านเมืองต่อไป โดยประเมินเบื้องต้นไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ พร้อมระบุจะใช้ความละมุนละม่อมมากกว่าการเผชิญหน้า

คสช.ประคองสถานการณ์ถึง ลต.

เมื่อวันที่ 1 ม.ค. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรอบการทำงานของ คสช.ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งเดือน พ.ย.61 ว่า ที่ผ่านมา คสช.ลดบทบาทลงไปมากแล้ว ในปี 2561 เราจะดูเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก ส่วนที่เหลือจะเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล การปรองดอง การปฏิรูป และการดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ และการเตรียมการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องการออกคำสั่งมาตรา 44 เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆนั้น ต้องเป็นไปตามภาพรวมของคณะทำงาน ไม่ใช่กองทัพเป็นผู้เสนอ เราจะสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลไปจนถึงการเลือกตั้ง จนกว่าจะหมดวาระ ส่วนจะเลือกตั้งตามกรอบโรดแม็ปหรือไม่นั้น ก็เป็นไปตามที่นายกฯบอก และยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่พบปัจจัยที่จะทำให้การเลือกตั้งช่วงเดือน พ.ย.61 เลื่อนออกไป แม้ว่าตนจะเกษียณอายุในปี 61 แต่เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาใดๆ เพราะคนในกองทัพก็ขึ้นมาแทน ไม่มีปัญหาอะไร

...

“บิ๊กเจี๊ยบ” ไม่รู้ตั้งพรรคหนุน คสช.

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุนให้ คสช.ลงเล่นการเมือง พล.อ.เฉลิมชัยตอบว่า เรื่องนี้ก็มีแต่กระแสข่าวที่มีคนพูดกันไป เรายังไม่เห็นตัวตนว่าใครจะไปตั้งพรรคการเมือง ส่วนที่ระบุถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ก็ออกมาปฏิเสธแล้ว เมื่อถามว่า ยืนยันว่าปี 61 จะไม่มีพรรคการเมืองที่มาสนับสนุนคสช. พล.อ.เฉลิมชัยตอบว่า “เรามันคนเล็กๆ ที่ดูแลด้านความมั่นคง ไม่รู้หรอก ผมไม่รู้จริงๆ ไม่รู้ก็คือไม่รู้ เราก็ทำหน้าที่ของเราไป”

เน้นพูดคุยมากกว่าเชิญเข้าค่าย

พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงบทบาทการดำเนินงานของ คสช. ในปี 61 ว่า ยังคงสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง คอยช่วยเหลือส่วนราชการต่างๆในการประสานงาน บูรณาการ แก้ไขปัญหาพื้นที่ต่างๆ สำหรับการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลนั้น ในภาพรวม คสช.จะต้องทำให้บรรยากาศผาสุกร่มเย็น สร้างสภาวะแวดล้อมให้ปลอดภัยให้ได้ หากมีกลุ่มบุคคลใดๆออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เราก็จะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เน้นพูดคุยทำความเข้าใจ ขอความร่วมมือมากกว่าที่จะเชิญไปค่ายทหาร จะไม่ทำอะไรที่ไปละเมิดสิทธิมนุษยชนใดๆ ทั้งสิ้น และย้ำว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็ปที่เราวางไว้

มทภ.1 เสียงดุกระชับกระบองเข้ม

พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 (กกล.รส.ทภ.1) กล่าวว่า คิดว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองในปี 61 คงไม่แตกต่างกับการเคลื่อนไหวในปีที่ผ่านมาเท่าใดนัก การปฏิบัติงานของทหารไม่มีหย่อนยาน ทุกอย่างเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และโรดแม็ป คสช. หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคสช. และ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. สั่งการอะไรลงมา ทางกองทัพภาคที่ 1 ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามข้อสั่งการนั้นทุกภารกิจ ส่วนกลุ่มใดที่ออกมาเคลื่อนไหวแบบผิดกฎหมาย เราต้องดำเนินคดีตามกฎหมายทุกกรณี

เมื่อถามว่าในทางลับจะส่งเจ้าหน้าที่ทหารไปประกบคนที่เคลื่อนไหวในเขตรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 หรือไม่ เพื่อสร้างความสบายใจให้ประชาชน พล.ท.กู้เกียรติกล่าวสั้นๆว่า “ครับ”

ห่วงนักคิดมากกว่านักการเมือง

พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงการดูแลกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ว่า นักการเมืองอาวุโสในภาคเหนือเราได้พูดคุยร่วมกันแล้ว ทุกคนให้ความร่วมมือดีมาก ทั้งที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก และลำปาง คุยกันรู้เรื่องในทุกพรรค โดยขอความร่วมมือว่าตอนนี้กระบวนการเลือกตั้งยังไม่เริ่ม ขอให้เริ่มก่อนจะดำเนินการอย่างไรต่อก็ให้เป็นไปตามนั้น ส่วนความเคลื่อนไหวใต้ดินหรือกองกำลังติดอาวุธ ยืนยันว่าไม่มี ตนไม่ห่วงกลุ่มนักการเมือง แต่ห่วงกลุ่มนักวิชาการมากกว่า เพราะเรื่องความคิดเราห้ามกันไม่ได้ ยอมรับว่าบางสิ่งบางอย่างเหมือนถังแก๊ส เราต้องเปิดรูให้เขาบ้าง

มทภ.4 ใช้หลัก “ไม่รู้จักจับง่าย”

ขณะที่ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม รวมทั้ง พล.อ.เฉลิมชัยได้พูดเป็นเสียงเดียวกันอยากให้ทหารเป็นกลางทางการเมือง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดทั้งสิ้น ซึ่งเราจะให้การสนับสนุนทุกฝ่าย ไม่ได้เพ่งเล็งกลุ่มใดเป็นพิเศษ ทหารทำหน้าที่ดูแลความมั่นคงของประเทศ ถ้าเป็นเรื่องการเมืองก็ขอให้เป็นเรื่องการเมืองไป ทหารจะไม่เข้าไปยุ่ง อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่ภาคใต้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนัก ทุกอย่างยังคงอยู่อย่างปกติ เมื่อถามว่า หากมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่ จะใช้มาตรการเชิญมาพูดคุยในค่ายทหารหรือไม่ พล.ท.ปิยวัฒน์ตอบว่า ตนจะไม่เรียกมาพูดคุยหรอก เพราะไม่ชอบพูดคุยกับใคร เมื่อถามอีกว่า จะสั่งการให้ผู้บัญชาการกองพล และผู้บัญชาการมณฑลทหารบกในพื้นที่เรียกมาพูดคุยทำความเข้าใจหรือไม่ พล.ท. ปิยวัฒน์ตอบว่า “ผมเคยบอกแล้วว่าไม่ต้องไปเรียกมาพูดคุย ถ้ายิ่งไปรู้จักแล้วก็จะทำให้จับยาก ถ้าเราไม่รู้จักกันก็จับง่ายดี”

กำหนดคุณสมบัติ อปท.เข้มเท่า ส.ส.

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นว่า กระทรวงมหาดไทยได้เสนอเรื่องคุณสมบัติของผู้บริหารท้องถิ่นให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี 60 ไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และกฤษฎีกาจะเป็นผู้นำเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นเข้าสู่ที่ประชุม ครม. จากนั้นเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ สนช. ถ้าเสร็จเรียบร้อยก็จะนำไปสู่การเลือกตั้งท้องถิ่น ส่วนจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น คสช. จะเป็นผู้กำหนด แต่ยืนยันว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดก่อนการเลือกตั้งระดับประเทศ เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ยอมรับว่าได้ปรับคุณสมบัติของผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นให้มีความเข้มข้นมากกว่าเก่า บางส่วนจะเทียบเท่ากับ ส.ส. ส่วนการตรวจสอบผู้บริหารท้องถิ่นที่ถูกคำสั่ง คสช.ระงับการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่ผ่านมานั้น ถ้าคุณสมบัติไม่ขัดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นที่ออกมาก็สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้

คาดเลือกผู้ว่าฯ กทม.–อบจ.กลางปี 61

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า เดือน พ.ค.2561 สมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะหมดวาระครบทุกระดับทั่วประเทศ หากต้องจัดการเลือกตั้งใหม่พร้อมกันทั้งหมดอาจทำให้เกิดความยุ่งยาก กระทรวงมหาดไทยเสนอว่า ควรเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก่อน จากนั้นค่อยเลือกตั้งเทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเมืองพัทยา เพื่อให้เกิดความสะดวกในการบริหารจัดการ ส่วนจะเลือกตั้งเมื่อไหร่คงต้องรอให้ร่างกฎหมายแล้วเสร็จ รวมถึงคำสั่งจาก คสช. แต่หากมองตามโรดแม็ป การเลือกตั้งท้องถิ่นน่าจะอยู่ช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค.2561 เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้ท้องถิ่นปราศจากข้อครหาว่าเป็นมือเป็นไม้ให้พรรคการเมือง นายสุทธิพงษ์ตอบว่า คงไม่ใช่เครื่องมือของการเมือง แต่เป็นธรรมดาของการเมืองที่ต้องมีพวก กลุ่มเดียวกันต้องเชียร์กัน อาจถูกมองว่าเป็นหัวคะแนนบ้าง ถ้าทำในนามส่วนตัวก็สามารถทำได้ เพราะความเป็นพวกคงออกจากการเมืองไม่ได้ ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งคงไม่สามารถที่จะหาเสียงได้ ต้องอาศัยคนรักใคร่ช่วยเชียร์ แต่อย่าใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานไปช่วยหาเสียง แบบนั้นทำไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย

“บิ๊กตู่” เร่งเครื่องสมาร์ทซิตี้

วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวว่า ขณะนี้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เริ่มมีการลงทุนและการก่อสร้างแล้ว ตอนนี้กำลังดำเนินโครงการเมืองสมาร์ทซิตี้ที่ต้องทำให้เบ็ดเสร็จ แต่หากให้รัฐบาลทำจะเกิดปัญหาจึงต้องให้ประชารัฐลงไปช่วย อยากให้เกิดขึ้นในสมัยของตน กำลังคิดว่าเปิดเมืองสมาร์ทซิตี้ให้ได้โดยเร็ว วันนี้เอกชนรายใหญ่ต้องช่วยกัน ถ้าแบ่งจับกลุ่มกันอยู่อย่างนี้ก็จะแข่งกันหมด เมื่อแข่งกันเองใครปากยาวก็ได้ไปหมด แต่ถ้ารวมกันทำจะได้หรือไม่ ต้องไปดูด้วยว่ากฎหมายจะเปิดช่องให้ทำอย่างไรได้บ้าง และประชาชนก็ต้องเข้าใจว่าไม่ได้ไปเอื้อประโยชน์กับใคร เพราะคนที่ได้ประโยชน์คือประชาชน รัฐบาลก็ได้ประโยชน์ เอกชนก็ต้องได้ประโยชน์ เพราะไม่มีใครที่อยากทำกิจการที่ไม่มีผลกำไร

หวังท่องเที่ยวเฟื่องฟูต่อเนื่อง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในปี 2561 ขอฝากประชาชนทุกคนให้ช่วยดูแลเรื่องการท่องเที่ยว ปี 2560 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย 35 ล้านคน เพราะเราทำให้บ้านเมืองสงบ ตนเข้ามาบริหารประเทศก็มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ประชาชนมีรายได้ ส่วนรัฐบาลได้แต่ภาษี คนต่างชาติเข้ามาคนไทยต้องดูแลเขาให้ได้ ทำให้บ้านเมืองสงบมีเสถียรภาพ วันนี้ทุกคนเขาก็ชื่นชมประเทศไทยว่าเรียบร้อยดีมาเที่ยวกันเยอะ

ย้ำสัญญาณดัชนี ศก.ดีขึ้น

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ยืนยันว่าในปี 2561 จะเป็นปีที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเศรษฐกิจไทยจะเฟื่องฟูขึ้นเป็นปีแห่งการขจัดความยากจน ผลักดันเม็ดเงินลงฐานราก กระจายรายได้ลงชุมชน โดยใช้ทั้งภาคการท่องเที่ยวและการเกษตรเป็นกลไกสำคัญเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ เนื่องจากดัชนีชี้วัดหลายตัวบ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็งขึ้น ทั้งการเติบโตของจีดีพีในปี 60 ดัชนีเงินเฟ้อและตัวเลขหนี้สินที่ยังอยู่ในระดับเหมาะสม การส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง การลงทุนโครงการใหญ่ๆ ของภาครัฐ เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลชัดเจนขึ้น โดยภายในไตรมาสที่ 2 จะเริ่มลงทุนได้ เมื่อการประมูลแล้วเสร็จ

“สุวพันธุ์” ยันโรดแม็ปไม่เคยเปลี่ยน

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโรดแม็ปการเลือกตั้งว่า นับตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ยังไม่เคยเห็นว่าโรดแม็ปจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทุกอย่างยังเป็นไปตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ ในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการประสานงานสนช. (วิปรัฐบาล) ได้รับการยืนยันจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามกำหนด อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 อยากเห็นบรรยากาศการเมืองไทยสงบเรียบร้อย อันจะส่งผลให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น พี่น้องประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติและมีความสุข ระยะเวลาที่เหลือนี้รัฐบาลจะพยายามขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น แม้วันนี้การท่องเที่ยวไทยและการส่งออกจะดีขึ้น ทว่าการกระจายรายได้ยังถือว่าติดขัด เรื่องดังกล่าวนายกฯ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ กำลังแก้ไขอยู่ เชื่อว่าจะดีขึ้นตามลำดับ

สนช.เชื่อไม่มีรายการคว่ำ ก.ม.ลูก

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ขณะนี้กรอบเวลาโรดแม็ป ยังเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ยังไม่มีอะไรเป็นเหตุให้คลาดเคลื่อน ส่วนจะมีการเลือกตั้งตามโรดแม็ปหรือไม่ ตนคงยืนยันไม่ได้ ปฏิทินการเลือกตั้งจะมีความชัดเจนเมื่อไร ต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเลือกตั้งอีก 2 ฉบับ คือ การเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. มีผลบังคับใช้ก่อน ถึงจะสามารถนับหนึ่งได้ เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า สนช.อาจจะล้มร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาของ ส.ว. นายสุรชัยตอบว่า ไม่มี เพราะเท่าที่ติดตามการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ ไม่น่าจะมีอะไรถึงขั้นที่ตกลงกันไม่ได้

ใช้ ม.44 แก้ปัญหาไม่ใช่รื้อ ก.ม.

เมื่อถามว่า ประกาศของ คสช.ในเรื่องการขยายเวลาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 จะส่งผลต่อโรดแม็ปหรือไม่ นายสุรชัยตอบว่า ประกาศดังกล่าวมีเจตนารมณ์เพื่อที่จะมาชดเชยระยะเวลาที่กำหนดให้พรรคการเมืองดำเนินการตามกฎหมาย ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้คาดว่าหลังปีใหม่น่าจะได้ข้อสรุป เมื่อถามว่า แสดงว่าการพิจารณาร่างกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งอีก 2 ฉบับจะยึดตามมาตรา 44 เป็นหลัก นายสุรชัยตอบว่า ตนไม่ได้พูด เป็นเรื่องที่มาตรา 44 ต้องการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังบังคับใช้กฎหมาย ไม่ใช่แก้ตัวกฎหมาย ดังนั้นต้องไปช่วยกันศึกษา ประกาศมาตรา 44 เป็นการแก้ไขเรื่องของเวลากฎหมายประกอบพรรคการเมืองไม่เพียงพอในการทำหน้าที่จึงต้องชดเชยเวลาให้ ไม่ใช่เรื่องของการออกกฎหมายตามเจตนารมณ์ของใคร สภาต้องออกกฎหมาย ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เมื่อกฎหมายใช้ไปแล้วเจอปัญหาเจอข้อขัดข้องใครร้องเรียนมา ฝ่ายที่ดูแลรักษาความสงบก็ต้องแก้ไขปัญหานั้น

“สมชัย” ชี้พรรคเกิดใหม่น่าห่วงกว่า

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในปี 2561 ว่า หากมีการ ปลดล็อกการเมืองในช่วงเดือน เม.ย. สิ่งที่อัดอั้นมานานก็จะพรั่งพรูออกมาในช่วงนั้น ทุกพรรคจะใช้ความพยายามสร้างคะแนนนิยม สร้างความได้เปรียบ ไปถึงการเลือกตั้งให้ได้ โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่พร้อมจะระดมสรรพกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ จากที่ถูกกดดันให้กลายเป็นพลัง ดังนั้นจึงเป็นห่วงพรรคที่จะเกิดใหม่มากกว่า เพราะต้องสร้างการยอมรับ สร้างความคุ้นเคย เพื่อให้มีกำลังเพียงพอไปแข่งขันในการเลือกตั้ง คิดว่าไม่ง่าย ต้องใช้เวลาพอควร ถึงแม้จะมีแบ็กดีก็ตาม

หวั่นเอา–ไม่เอา “บิ๊กตู่” ซ้ำรอย “ทักษิณ”

นายสมชัยกล่าวถึงสถานการณ์การเลือกตั้งว่า หากพรรคการเมืองแต่ละพรรคชูหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มีคนกลุ่มหนึ่งหรือพรรคการเมืองหนึ่งออกมาบอกว่าจะชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ แล้วเกิดกระแสอีกพรรคไม่เอาคนนอกเป็นนายกฯ จะกลายเป็นความขัดแย้งรอบใหม่ในสังคม เกิดการปะทะกันในเชิงความคิดอย่างรุนแรง เกิดการเมืองแบ่งฝ่ายชัดเจน อย่างเช่นในอดีตที่มีกระแสเอาและไม่เอาทักษิณ ดังนั้นการวางตัวของผู้นำรัฐบาลในขณะนี้ต้องวางตัวให้ดี อย่าทำตัวให้เป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ในสังคม ถ้ามาจังหวะแรกจะกลายเป็นประเด็นต่อสู้กัน และบอบช้ำมาก จบไม่สวย ควรจะมาในจังหวะที่พรรคการเมืองหาทางออกไม่ได้ มาตอนหลังในฐานะวีรบุรุษกอบกู้สถานการณ์ ฉะนั้นท่าทีของผู้นำต้องชัดเจนวางตัวเป็นกลาง ไม่เป็นประเด็นให้เกิดความขัดแย้ง

กระตุกผู้นำอย่าเคลิ้มหลงกระแส

“ถ้าเอาประสบการณ์สมัยนายทักษิณมาเปรียบ เทียบดู ทั้งการลงพื้นที่ ประชุม ครม.สัญจร อนุมัติงบฯเพื่อพัฒนาในพื้นที่นั้นๆ พบปะประชาชน ผูกผ้าขาวม้า นอนกลางดินกินกลางทราย ก็ได้รับความนิยมชมชอบมาก ไม่แตกต่างจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำและได้รับความชื่นชม แต่อยากให้พิจารณาให้ดีว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งนายทักษิณถูกโจมตีแรงขนาดไหน กับกระแสการเอาหรือไม่เอาทักษิณ ฉะนั้นอย่าไปมองแค่ภาพว่ามีประชาชนมากมายให้การต้อนรับ แล้วเป็นแรงขับเคลื่อนเข้าสู่การเมือง ถ้าจะกลับมาควรเป็นอย่างธรรมชาติ ไม่อยากให้แบ่งฝ่าย เพราะจะเป็นเกมที่อันตรายเกินไป” นายสมชัยกล่าว

เตือนอย่าจุดไฟกดปุ่มคว่ำ ก.ม.ลูก

เมื่อถามว่า จะมีการคว่ำกฎหมายลูกเพื่อยื้อเลือกตั้งหรือไม่ นายสมชัยตอบว่า ถ้า สนช.ไม่รับรองหรือคว่ำกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง กระบวนการเลือก ตั้งน่าจะเลื่อนไปประมาณ 6 เดือน เพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการร่างกฎหมายใหม่ แต่การจะคว่ำร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับที่เหลืออยู่ เหตุผลต้องปรากฏชัด สังคมจึงจะยอมรับได้ ถ้าไม่มีคลื่น ไม่มีลม แล้วไปถึงขั้นลงมติคว่ำของ สนช. มันจะกลายเป็นพายุที่เกิดจากการกดปุ่ม หรือสร้างจากผู้มีอำนาจให้เป็นอย่างนั้น ต้องรับผิดชอบ ก็ไม่รู้ว่าอารมณ์คนในสังคมเวลานั้นจะเป็นอย่างไร ปลอดภัยที่สุดคือเดินตามโรดแม็ป ระยะเวลาการเลือกตั้งจะเร็วหรือช้านิดหน่อยไม่เป็นไร น่าจะยอมรับกันได้

“มาร์ค” จี้หยุดพูดคนจนหมดประเทศ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในโอกาสขึ้นปีใหม่นี้อยากให้คสช.ปฏิบัติภารกิจตามที่เคยสัญญากับประชาชน เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน แม้ว่าตนจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างในหลายเรื่อง แต่ก็มีความปรารถนาให้การบริหารบ้านเมืองประสบความสำเร็จ เพราะประชาชนอยากได้สิ่งนี้เป็นของขวัญจาก คสช. และจะเป็นความสำเร็จของ คสช.เอง สำหรับปี 2561 แม้อัตราการเจริญเติบโตเศรษฐกิจในภาพรวมจะดีขึ้น แต่ยังต่ำที่สุดในภูมิภาค ตัวเลขที่ดีขึ้นไม่ได้สะท้อนว่าความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นด้วย รัฐบาลต้องทบทวนนโยบายและวิธีการแก้ปัญหา ถ้าไม่ลงรายละเอียดว่าผลจากนโยบายมีผลลัพธ์อย่างไรกับคนทั้งประเทศ ปัญหาจะแก้ยาก วันนี้รัฐบาลอยู่ภายใต้แนวความคิดว่าเอาหัวรถจักรคือคนที่มีกำลังมากลากคนที่เหลือ แต่มีนักวิชาการบอกตนว่าเป็นเรื่องยากเพราะตะขอยังไม่เกี่ยวตัวขบวนรถเลย เผลอๆ ดูดกำลังส่วนอื่นไปด้วย จึงกลายเป็นการวิ่งเร็วขึ้นเฉพาะหัวขบวนเท่านั้น ส่วนที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯระบุว่าจะไม่มีคนจนในปี 2561 นั้น เป็นไปไม่ได้ อย่าพูดแบบนี้ ขอให้ไปดูคนลำบากเพราะอะไร อย่าดูแต่หัวขบวน แม้โครงการขนาดใหญ่มีความจำเป็นต้องดำเนินการ แต่อย่าคาดหวังว่าจะยกระดับความเป็นอยู่ของคนจำนวนมากได้ ต้องคิดให้ครบถ้วน

“วัฒนา” เย้ยแนวร่วม คสช.โดดหนี

นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า สวัสดีปีใหม่ 2561 ครับ นับเป็นปีที่ 5 ที่คนไทยต้องเฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยบรรยากาศที่ไม่รื่นเริง เริ่มต้นจากปีใหม่ 2557 เราถูกม็อบขัดขวางการเลือกตั้งปิดบ้านเมือง เพื่อเปิด ทางให้ทหารออกมายึดอำนาจ จากนั้นอีก 4 ปี คนไทยต้องฉลองปีใหม่ภายใต้บรรยากาศเผด็จการ นานเกินไปแล้วที่คนไทยไม่มีความสุข อย่างไรก็ตามเวลาของ คสช.ก็ใกล้สิ้นสุดลง สังเกตจากบรรดาผู้ที่เคยให้การสนับสนุนเริ่มตีตัวออกห่าง แบบที่โบราณเรียกว่าหมากำลังจะตายเห็บเริ่มโดดหนี

วอนอย่าหาข้ออ้างเตะถ่วงอยู่ต่อ

นายวัฒนาระบุว่า คนไทยได้ให้เวลา คสช.แก้ปัญหาประเทศมานานพอสมควรแล้ว การที่หัวหน้า คสช.อ้างว่าบ้านเมืองยังมีความขัดแย้งสูง จึงไม่รับประกันว่าจะมีการเลือกตั้ง เท่ากับเป็นการโยนบาปให้ประชาชน ทั้งที่เป็นความรับผิดชอบของ คสช. เวลาเกือบ 4 ปี หากยังแก้ปัญหาไม่ได้ก็ไม่ควร อยู่ถ่วงความเจริญของบ้านเมืองอีก คสช.จึงไม่มีข้ออ้างที่จะอยู่ต่อ ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนโดยไม่มีเงื่อนไข เปรียบได้กับแขกที่มาเยือน หากได้เวลาแล้วยังไม่กลับ เจ้าของบ้านก็ต้องเชิญให้กลับ ขณะนี้เจ้าของบ้านเริ่มเอือมระอากับแขกที่มาโดยไม่ได้รับเชิญแล้ว จึงขึ้นอยู่กับผู้ที่มาเยือนว่าจะไปโดยดี หรือต้องให้เจ้าของบ้านออกปากขับไล่ เชื่อว่า คนไทยต้องการเฉลิมฉลองปีใหม่ 2562 ในบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตย ขอส่งกำลังใจพร้อมกับความรัก ความปรารถนาดีมายังพี่น้องประชาชนชาวไทย พวกเราจะร่วมกันนำพาประเทศไปสู่การเลือกตั้งที่จะต้อง มีขึ้นภายในปี 2561 เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากประชาชนและนำประชาธิปไตยอันเป็นเครื่องมือสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจกลับคืนสู่แผ่นดินนี้โดยเร็ว

โพลขอทำ ศก.ดี–เลือกตั้งไวๆ

วันเดียวกัน กรุงเทพโพล ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “สิ่งที่ตั้งใจทำและของขวัญปีใหม่ที่อยากได้จากนายกฯ ในปี 2561” จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 1,154 คน พบว่า ร้อยละ 38.5 อยากมอบรอยยิ้มและกำลังใจเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รองลงมาร้อยละ 24.8 ระบุว่า จะเป็นคนดีของสังคมและตั้งใจทำงาน ร้อยละ 18.8 อยากมอบยาบำรุงและเครื่องดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพให้นายกฯ ส่วนของขวัญปีใหม่ที่อยากได้จากนายกฯ ร้อยละ 38.4 อยากให้ช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ร้อยละ 20.6 อยากให้จัดการเลือกตั้งเร็วๆ และร้อยละ 16.6 ระบุว่า อยากให้พัฒนาประเทศให้ดีขึ้น และสงบสุข สำหรับสิ่งที่ประชาชนตั้งมั่นและตั้งใจ จะทำในปีใหม่นี้มากที่สุด ร้อยละ 23.5 จะดูแลครอบครัวให้ดี ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน รองลงมาร้อยละ 20.5 คือจะทำดีเพื่อพ่อหลวง จะทำดีกว่าเดิม เพื่อสังคม และร้อยละ 11.9 จะทำธุรกิจให้ก้าวหน้าสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้