"สมชัย" สะกิด นายกฯ อย่าหลงกระแสนิยม ชี้ผู้นำควรวางตัวเป็นกลางรับเลือกตั้ง ประเมินหากคว่ำกฎหมายลูก 2 ฉบับ ทำเลือกตั้งขยับอีก 6 เดือน เตือน สนช.หากคว่ำต้องมีเหตุผล ไม่ใช่เพราะมีคนกดปุ่ม ไม่อย่างนั้นต้องรับผิดชอบ ชี้ เม.ย.พรรคใหญ่แข่งสร้างคะแนนนิยม ห่วงพรรคเกิดใหม่มีเวลาน้อย

เมื่อวันที่ 1 ม.ค.61 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.กล่าวถึงการเลือกตั้งว่า หากเป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง แต่ละพรรคชูหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี แต่หากมีคนกลุ่มหนึ่งหรือพรรคการเมืองหนึ่งออกมาบอกว่าจะชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ แล้วเกิดกระแสอีกพรรคชูไม่เอาคนนอกเป็นนายกฯ จะกลายเป็นความขัดแย้งรอบใหม่ในสังคม เกิดการปะทะกันในเชิงความคิดอย่างรุนแรง เกิดการเมืองแบ่งฝ่ายชัดเจน จะเกิดกระแสเอาและไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเช่นในอดีตที่มีกระแส เอาและไม่เอาทักษิณ ฉะนั้นการวางตัวของผู้นำรัฐบาลในขณะนี้ต้องวางตัวให้ดี อย่าทำตัวให้เป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ในสังคม ถ้ามาจังหวะแรกจะกลายเป็นประเด็นต่อสู้กัน และบอบช้ำมากจบไม่สวย ควรจะมาในในจังหวะหลังที่พรรคการเมืองหาทางออกไม่ได้ ในกระบวนการเลือกนายกฯ มาในฐานะวีรบุรุษกอบกู้สถานการณ์ ฉะนั้นท่าทีของผู้นำต้องชัดเจนวางตัวเป็นกลาง ไม่เป็นประเด็นให้เกิดความขัดแย้ง

นายสมชัย ยังกล่าวต่อว่า ถ้าเอาประสบการณ์สมัยนายทักษิณมาเปรียบเทียบดู ทั้งการลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจร อนุมัติงบฯ เพื่อพัฒนาในพื้นที่นั้นๆ พบปะประชาชน ผูกผ้าขาวม้า นอนกลางดินกินกลางทราย ก็ได้รับความนิยมชมชอบมาก ไม่แตกต่างจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำและได้รับความชื่นชม แต่อยากให้พิจารณาให้ดีว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง นายทักษิณถูกโจมตีแรงขนาดไหน กับกระแสการเอาหรือไม่เอาทักษิณ ฉะนั้นอย่าไปมองแค่ภาพว่า มีประชาชนมากมายให้การต้อนรับ แล้วเป็นแรงขับเคลื่อนเข้าสู่การเมือง ถ้าจะกลับมาควรเป็นอย่างธรรมชาติ ไม่อยากให้แบ่งฝ่าย เพราะจะเป็นเกมที่อันตรายเกินไป

...

นายสมชัย ยังกล่าวถึงกรณีหากมีการคว่ำกฎหมายลูก เพื่อยื้อเลือกตั้งว่าสามารถทำได้ ถ้า สนช.ผ่านกฎหมายแล้วมีการโต้แย้งไปสู่การตั้งกรรมาธิการร่วม จะไม่ทำให้ระยะเวลาของการเลือกตั้งเลื่อนออกไปมากนัก ถ้า สนช.ไม่รับรองหรือคว่ำกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง กระบวนการเลือกตั้งก็น่าจะเลื่อนไปประมาณ 6 เดือน เพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการร่างกฎหมายใหม่ การจะคว่ำร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ เหตุผลต้องปรากฏชัด สังคมจึงจะยอมรับได้ ถ้าไม่มีคลื่น ไม่มีลม แล้วไปถึงขั้นลงมติของ สนช.เกิดการคว่ำ ผมว่ามันเป็นพายุที่เกิดจากการกดปุ่ม หรือสร้างจากผู้มีอำนาจให้เป็นอย่างนั้นต้องรับผิดชอบ ก็ไม่รู้ว่าอารมณ์คนในสังคมเวลานั้นจะเป็นอย่างไร เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองบ้านเมืองที่จะเป็นฝ่ายประเมินเอง แต่ปลอดภัยที่สุดคือเดินความโรดแม็ป ระยะเวลาการเลือกตั้งจะเร็วหรือช้านิดหน่อยไม่เป็นไร น่าจะยอมรับกันได้

นอกจากนี้ นายสมชัย ยังกล่าวประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในปี 2561 ว่า หากปลดล็อกการเมืองในช่วงเดือน เม.ย. สิ่งที่อัดอั้นมานานก็จะพรั่งพรูออกมาในช่วงนั้น ทุกพรรคจะใช้ความพยายามสร้างคะแนนนิยม สร้างความได้เปรียบให้ไปถึงการเลือกตั้งให้ได้ ดูจากปฏิกิริยาของพรรคการเมืองพร้อมทำงานหนัก ต่อสู้กับอุปสรรค เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่พร้อมจะระดมสรรพกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ จากที่ถูกกดดันให้กลายเป็นพลัง ต้องจับตาดูว่าตั้งแต่เดือน เม.ย. พรรคการเมืองจะใช้วิธีการอะไร พรรคใหญ่คงจะไม่ยอมกัน ที่เป็นห่วงคือห่วงพรรคที่จะเกิดใหม่มากกว่า ต้องสร้างการยอมรับ การสร้างความคุ้นเคย เพื่อจะให้มีกำลังเพียงพอไปแข่งขันในการเลือกตั้งคิดว่าไม่ง่าย แม้จะมีแบ็กดีก็ตาม ต้องใช้เวลาพอสมควร.