"นิกร" เตือน คสช.ไม่ปลดล็อกการเมือง ระวังเจอปัญหาซับซ้อนมากกว่าที่คิด ไม่เช่นนั้น "มีชัย" คงไม่ปวดหัว วอนทบทวนอีกครั้ง ย้อนถามเราจะยอมแก้ รธน.อย่างนั้นหรือ

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.60 นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดให้พรรคการเมืองต้องอัพเดทสมาชิกพรรคภายใน 90 วัน แต่จนถึงขณะนี้ คสช.ยังไม่ปลดล็อคทางการเมือง ว่า ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ จะครบ 60 วัน หลังการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว และจะครบ 90 วันในวันที่ 5 ม.ค.61 ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 30 วันเท่านั้น ส่วนที่มี กรธ.และสนช. หลายคนออกมาระบุว่า บางเรื่องสามารถทำได้โดยที่ยังไม่ต้องปลดล็อค เช่น การแจ้งจำนวนสมาชิกนั้น ตนในฐานะผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา และทำงานรับผิดชอบด้านนี้จะ 20 ปีอยู่แล้ว ยืนยันว่าทำไม่ได้ และได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง กกต.แล้ว เพื่อให้ประสานไปยังสำนักทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทางเลขา กกต.ก็ตอบมาแล้วว่า ได้ประสานแล้วเท่านั้นเอง แต่ไม่มีคำตอบว่าผลเป็นอย่างไร

นายนิกร กล่าวต่อว่า เดิมกฎหมายเลือกตั้งเรื่องถิ่นที่อยู่นั้นไม่สำคัญ เพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องเขตเลือกตั้ง การรวมเป็นตัวแทนของพรรคประจำจังหวัด หรือสาขาและการทำไพรมารี่โหวต แต่สำหรับกฎหมายใหม่ฉบับนี้เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก เพราะถ้าใครอยู่นอกเขตเลือกตั้งก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนเขตหรือเป็นสาขาได้ ไม่สามารถทำไพรมารี่โหวตตามกฏหมายใหม่ได้เลย ดังนั้นเรื่องที่อยู่ของสมาชิกจึงมีความสำคัญ

"กกต.ตอบมาทางพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยแล้ว ซึ่งก็ถือเป็นหลักการว่า หากไม่มีการประชุมพรรคเรื่องการแจ้งจำนวนสมาชิกก็ไม่สามารถทำได้ และการดำเนินการต้องเป็นไปโดยฝ่ายบริหารพรรคเท่านั้น จึงจำเป็นต้องมีการประชุมพรรคเสียก่อน ดังนั้นการที่เคยพูดกันว่า 90 วันสามารถแจ้งเรื่องจำนวนสมาชิกได้ โดยไม่ต้องประชุมจึงทำไม่ได้ สรุปก็คือ ต้องมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเสียก่อน ซึ่งทำไม่ได้ถ้าไม่ปลดล็อคตรงนี้ ตอนนี้ก็เหลือเพียงหนทางเดียวคือพรรคการเมืองต้องทำเรื่องไปขอขยายเวลา เพราะถ้าไม่ขยายเวลาพรรคการเมืองอย่างพรรคชาติไทยพัฒนาที่เคยถูกยุบพรรคไปครั้งหนึ่งแล้วตั้งขึ้นมาใหม่ก็ต้องสิ้นสภาพไปตามกฎหมาย สูญเสียความเป็นพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับพวกเรา ดังนั้นพรรคชาติไทยพัฒนาจึงรอคำตอบจาก กกต.ก่อน แล้วค่อยจะไปขอขยายเวลา" นายนิกร กล่าว

...

นายนิกร กล่าวต่อว่า เชื่อว่าหากขอขยายเวลาไป กกต.ก็อนุญาต และสามารถขยายได้เรื่อยๆตามกฎหมาย แต่ปัญหาคือไม่ว่ากฎหมายใดหรือคำสั่ง คสช.ใดไม่ใหญ่ไปกว่ารัฐธรรมนูญ ดังนั้นจะไปมีปัญหาอยู่ที่สุดทางของรัฐธรรมนูญ คือ กฎหมายลูก 2 ฉบับที่เหลือซึ่งผ่าน สนช.ไปแล้วนั้นหากลงมาก็ต้องเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ ภายใน 150 วัน เนื่องจากเราไม่สามารถรู้ได้ว่ากฎหมายนั้นจะมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดือน พ.ย.61 ที่เคยมีการคาดหมายไว้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นพรรคการเมืองเข้าสู่การเลือกตั้งอาจจะทันแต่ทำงานไม่ทันแน่ มีปัญหาอย่างแน่นอน และมีทางออกทางเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือการแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องถามว่าเราจะต้องไปถึงตรงนั้นกันหรือ เราจะแก้รัฐธรรมนูญที่เพิ่งบังคับใช้มากันหรืออย่างไร

"เรื่องนี้มีปัญหามากแน่นอน ปัญหาซับซ้อน ดังนั้นขอให้ไปทบทวนกันดูอีกครั้งหนึ่งเถิด ว่ามันมีปัญหามากกว่าที่เราคิดกันเฉยๆ เพราะไม่เช่นนั้นอาจารย์มีชัย (นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.)คงไม่แสดงความหนักใจออกมาหรอก เพราะเขารู้ว่ากลไกมัน คือ อะไร แล้วเราจะใช้คำสั่ง คสช. หรือใช้ สนช.แก้รัฐธรรมนูญหรืออย่างไร ซึ่งทำไม่ได้ ถ้าแก้รัฐธรรมนูญก็คือการแก้เรื่องการเลือกตั้งออกไปเท่านั้นเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับประเทศ เหล่านี้เป็นปัญหาที่ซ้อนกันอยู่ ไม่ใช่ดูง่ายๆที่จะปฏิบัติ ฝ่ายการเมืองไม่ได้เรียกร้องมาก แต่เราแค่ ขอโอกาสให้เราได้ทำตามกฏหมายเท่านั้น ถ้ากลัวว่าจะมีปัญหาก็ปลดเป็นบางส่วน ปลดในส่วนที่ทำให้สามารถทำงานไปได้ เอาเฉพาะส่วนก็ได้ แต่ถ้าปล่อยไปอย่างนี้มีปัญหามากแน่ๆ" นายนิกร กล่าว

เมื่อถามว่า การปลดล็อคไม่จำเป็นต้องรอให้กฎหมายลูกออกครบทุกฉบับก่อนใช่หรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะกฎหมายฉบับอื่นไม่มีเวลากำหนด แต่กฎหมายฉบับนี้เวลาหมดไปทุกวันตัวนี้จะมีปัญหา

เมื่อถามว่า การประชุม คสช.ในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ ควรหยิบยกประเด็นเรื่องการปลดล็อคเข้าหารือใช่หรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ก็ได้แต่บอกว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ใหญ่มากในทางการเมือง เป็นปัญหาที่ใหญ่มากแต่บางคนมองไม่เห็น ไม่อย่างนั้นนายมีชัยคงไม่หนักใจ ไม่ปวดหัว เพราะคนที่ทำกฎหมายย่อมรู้กลไก รู้วันเวลาดี