คนดีคนกล้า ต้องอาสาเพื่อชาติ
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวคุณสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และอดีตเลขาธิการอาเซียนที่ต้องจากไปด้วยวัยอันไม่สมควร
ที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะคนดี-คนเก่งเป็นที่ประจักษ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงควรที่จะมีชีวิตเพื่อได้ทำงานสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามเพื่อประเทศไทยและสังคมโลกได้อีกมากมาย
น่าเสียดายจริงๆครับ...
เสียดายไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องเสียคนคุณภาพของพรรคที่จะสร้างชื่อเสียงได้อีกยาวนาน
ที่จริงแล้วหากพรรคการเมืองเก่าแก่ให้บทบาทกับเขามากกว่านี้ ไม่ว่าในทางการเมือง การต่างประเทศ การศึกษา สังคม ผมว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับพรรคในด้านการยอมรับจากประชาชนอย่างแน่นอน
ดีกว่าปล่อยให้นักการเมืองดีแต่พูด หลายคนที่มุ่งหมายเพื่อการเมือง อำนาจมากกว่าที่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง
เพราะหลายคนมีแต่ความเป็นนักการเมืองอาชีพเพื่อผลักดันตัวเองขึ้นสู่ตำแหน่งแห่งหน ซึ่งเป็นความปรารถนาลึกๆในใจ
ครั้นพอได้เข้าไปสวมตำแหน่งจริงๆ เป็นรัฐมนตรีเห็นมานักต่อนักแล้ว ไม่มีความสามารถเพียงพอต่อตำแหน่ง
โตขึ้นได้เพราะการเมือง ไม่ได้โตขึ้นมาได้เพราะความสามารถ
นี่แหละเป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเมื่อได้คนไม่มีคุณภาพทางความสามารถผลงานจึงไม่ก่อเกิดต่อพรรค ต่อประชาชนและชาติบ้านเมือง
มีแต่คุณภาพความเป็นนักการเมืองที่พูดเก่ง ใช้วาจาเสียดสี เย้ยเยาะ เล่นเกมการเมืองอยู่ตลอดเวลา
ความอาวุโสที่อยู่ในพรรคมานานจึงเติบโตไล่ลำดับ
หรือถูกค่อนแคะมาตลอดก็คือ “ดีแต่พูด”...
ในช่วงจังหวะทางการเมืองและวิถีทางที่จะต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้า ลองกลับไปทบทวนเอาความจริงที่เกิดขึ้น...ดีมั้ยครับชาวประชาธิปัตย์ทั้งหลาย ถือโอกาสคนดีคนเก่งอย่าง “ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ” ที่ต้องจาก
“เอกลักษณ์” ที่รักษาพรรคประชาธิปัตย์ให้ยืนยาวมาได้ถึงวันนี้คืออะไร คำตอบก็คือ “อุดมการณ์” จนทำให้พรรคมีความเป็นสถาบันทางการเมืองเพียงพรรคเดียวในประเทศนี้
บุคลากรของพรรคมีคนดี คนเก่งจำนวนไม่น้อย
แล้วทำไมถึงยืนระยะในความเป็นรัฐบาลบริหารประเทศได้น้อยมาก
วันนี้ยังกลายเป็นว่าชนะเลือกตั้งไม่เป็น ไม่สามารถเอาชนะพรรคเพื่อไทยมานานหลายปี จนถึงขณะนี้ผู้คนก็ยังเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่
คงไม่ใช่คำตอบว่า ไม่ชนะการเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศก็ไม่เป็นไร เป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบการทำงานก็พอใจแล้ว
นั่นมันเป็นคำตอบด้วยลีลาการเมือง แต่พรรคไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย
น่าจะถึงเวลาเสียทีที่จะคิดเพื่อการปฏิรูปพรรค หาจุดอ่อน-จุดแข็งเพื่อจัดการแก้ไขและยอมรับความจริงด้วย แก้ไขในสิ่งที่จะต้องแก้ไข เพราะฝืนไปก็ไร้ประโยชน์
เสียดายจริงๆครับ...สำหรับคนที่มีความสามารถในพรรคหลายคนไม่มีโอกาสได้เข้าไปมีส่วนในการบริหารประเทศ เสียดายคนภายนอกที่ศรัทธาและมีความสามารถไม่กล้าเข้าพรรคนี้ เพราะเงื่อนไขภายในไม่เอื้ออำนวยให้
“คุณอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ” ได้เป็นนายกฯ เพราะอะไรลองกลับไปคิดให้ดี.