รองนายกฯและ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พูดถึงเรื่อง การต่ออายุ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ในพื้นที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี อ.จะนะ อ.นาทวี อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา อีก 1 ปี ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับกรณีม็อบต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาแต่อย่างใด
ส่วน การชุมนุมต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน เป็นไปตาม พ.ร.บ.ชุมนุมพื้นที่สาธารณะ พ.ศ.2559 ทั้งเรื่องของการใช้ความรุนแรง ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่และกีดขวางการจราจร ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดไว้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังพูดถึงเรื่อง การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ด้วยว่า ผลการทำประชาพิจารณ์ คนในพื้นที่กลับให้การสนับสนุนด้วยซ้ำไป
ขณะที่เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุมในระหว่างการ ประชุม ครม.นอกสถานที่ จ.สงขลา-ปัตตานีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมา และมีการจับแกนนำการชุมนุมแจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดกฎหมายการชุมนุม เรื่องทั้งหมดจึงอยู่ที่ศาลยุติธรรมจะพิจารณาตัดสินอย่างไร
ก่อนหน้านี้การชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนที่ออกมาต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่จะประกอบ ไปด้วยเอ็นจีโอ คนจากพื้นที่อื่น และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัย ที่น่าสนใจ ก็คือ แม้จะมีการทำประชาพิจารณ์กี่รอบ ทำผลสำรวจด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ ผ่านมาตรฐานทุกครั้ง
แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้อยู่ดี
กระทั่งทางรัฐบาลได้ตั้งตัวแทนจากทหารไปเป็นกรรมการในการศึกษาข้อมูล ก็ยังไม่สามารถหาผลสรุปอะไรได้ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้จำนวน 2 โรง ตามแผน นโยบายพลังงานไฟฟ้าของประเทศ ที่จะต้องเริ่มต้นก่อสร้างมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็ไม่สามารถลงมือดำเนินการได้ เพราะถูกต่อต้านอยู่ตลอดเวลา
...
ทำให้มีผลกระทบต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้แน่นอน
การชุมนุมประท้วงจะลุกลามแค่ไหน หรือจะได้รับอิทธิพลจากเอ็นจีโอตัวพ่ออย่างไร จนกระทบกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ และ กระทบกับผู้ใช้ไฟฟ้าและเศรษฐกิจในภาคใต้ ในอนาคต เป็นเรื่องที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
จะลามเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ยังคาดเดาไม่ได้
แต่รัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงจะต้องทบทวนคือ ระหว่างนโยบายหลักของประเทศที่กระทบกับความเป็นอยู่ของคนทั้งประเทศ กับคนกลุ่มหนึ่งที่ออกมาประท้วงโดยอ้างชาวบ้าน ทั้งๆที่ไม่มีความชัดเจนของจุดประสงค์ในการชุมนุมคัดค้าน ตลอดจนความรับผิดชอบและความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกวาดล้างอาวุธสงครามครั้งใหญ่ใน จ.ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา พบอาวุธสงครามเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่า เป็นของเครือข่ายแกนนำเสื้อแดงที่อยู่ในต่างประเทศเตรียมการที่จะนำมาก่อความวุ่นวายใน กทม. ทำให้มองเห็นปัญหาความขัดแย้งที่ซุกอยู่ใต้พรม ที่ฝังรากลึกและยังไม่สะเด็ดน้ำ.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th