ชักช้า ไม่ได้พร้าเล่มงามแน่

บรรยากาศดูไม่ต่างไปจากนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเท่าใดนักในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพื่อปรับ ครม.ชุดใหม่

ที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะ หากคนเรายังหลงยึดติดตำแหน่งแห่งหนด้วยความเป็นปุถุชนไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหน

ครม. คสช. บางคนก็ทำนองเดียวกันนั่นแหละครับ...

นี่แหละคือเรื่องสำคัญของ “คน” ที่จะก้าวไปสู่สิ่งที่เหนือกว่าคนปกติธรรมดาทั่วไป หากไม่รู้สึกว่าอะไรควรอะไรไม่ควร อะไรเหมาะไม่เหมาะ ไม่คิดเข้าข้างตัวเอง อยู่บนโลกนี้มันก็จะไม่ยุ่งยาก

แต่ถ้าเป็นตรงกันข้ามมันก็อย่างที่เห็นๆ โลกนี้จึงวุ่นวายจริงหนอ...ว่ามั้ย

ยังไม่รู้ว่าจะถูกปลดหรือไม่ถูกปลด ถึงขนาดว่ามีมวลชนนำกระเช้าดอกไม้มาให้กำลังใจ ขอให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป

ก็ไม่ต่างไปจากมาเพื่อกดดันคนมีอำนาจแต่งตั้งให้เกิดความรู้สึกลำบากใจ ทั้งๆที่การบริหารงานเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองนั้น หากไม่แน่จริงมันไปไม่ได้หรอก...ถ้ายอมรับความจริงว่าทำไม่ได้ก็ต้องถอยออกมา

อย่าลืมว่ารัฐบาล คสช. ที่เข้ามาบริหารประเทศนั้น มีวัตถุ ประสงค์อะไร ถึงขนาดเอาชีวิตมาเป็นเดิมพัน เป็นความเสียสละเพื่อประเทศชาติ

ถ้ายังมายึดติดเรื่องอย่างนี้ ก็ไม่รู้จะให้พูดอะไรแล้ว

ทางที่ดีเพื่อให้เกิดบรรยากาศในการทำงานของรัฐบาลนายกฯควรจะรีบจัดการประกาศรายชื่อรัฐมนตรีคนใหม่ ใครจะเข้าใครจะออกก็ว่ากันไป

เวลานี้กลายเป็นไม่ค่อยมีใจทำงานกันแล้ว ต่างก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางคนไม่เคยโชว์ฝีมือในการทำงานให้เห็นจะจะ มาก่อนก็เอากันใหญ่เลยครับ...เดี๋ยวไปงานนี่เดี๋ยวไปงานโน่น

มันแปลกๆ แปร่งๆ ชอบกลครับ...

รัฐมนตรีบางท่านพอถูกนักข่าวถามมากๆเข้าก็อารมณ์บูดสบถถ้อยคำที่ไม่ควรออกมาก็มี หากจะสรุปกันแล้ว

...

“อำนาจ ตำแหน่ง แห่งหน” นั้นมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

หากบรรดามีเหล่านี้หันไปคิด กลับไปสำรวจตัวเองว่าบริหารประเทศมา 4 ปีเข้าไปแล้ว นานยิ่งกว่านักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งด้วยซ้ำไป นักการเมืองนั้นต้องยอมรับความจริงอยู่อย่างว่า พวกเขานั้นมีการแข่งขันสูงกว่ามาก

พลาดครั้งเดียวก็จบเลย และพร้อมที่จะหลุดจากเก้าอี้ทันที

รัฐบาลชุดนี้มาด้วยอำนาจพิเศษ มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ซึ่งได้รับการยอมรับจากประชาชนค่อนข้างดีและต่างให้ความหวังว่าจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น

ถ้าจะให้ดีอย่างที่คาดหวังกันก็ต้องหาทีมงานที่มีความสามารถมาร่วมกันทำงาน เพราะไม่มีทางที่จะทำงานคนเดียวได้

แต่มีใครตั้งคำถามบ้างว่า แล้วที่เข้ามาร่วมงานกันนั้นมันดีพอหรือยัง พูดกันตรงๆ ดีบ้างไม่ดีบ้าง การปรับ ครม. ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหานี้

เพราะการเข้ามาร่วมกันทำงานนี้ไม่ใช่เรื่องบุญคุณ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาตอบแทนอะไรกัน แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องเสียสละ

ด้วยการยอมรับความจริงว่า ทำได้ไหม ทำงานแล้วได้เนื้องานเพื่อประโยชน์จริงๆ หลายคนมีผลงานน่าพอใจจริงยิ่ง

แต่อีกหลายคนยังไม่ดีพอ หากรู้จักเปิดทาง รู้จักเสียสละ ทุกอย่างมันก็ง่ายเข้า ให้นายกฯได้ตัดสินใจเพื่อสนองตอบต่อเนื้องาน

ผมว่าทั้ง ครม.นั่นแหละ...ถามจริงๆว่ากำลังทำอะไรกันอยู่.

“สายล่อฟ้า”