นายกฯ พร้อมคณะ เดินทางถึงฟิลิปปินส์ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 แล้ว ก่อนร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ในโอกาสการฉลองครบรอบ 50 ปี การก่อตั้งอาเซียน 50

เมื่อวันที่ 12 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย นางนราพร จันทร์โอชา ภริยาและคณะ เดินทางออกจากนครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 25 ด้วยเที่ยวบินพิเศษของกองทัพอากาศ ถึงท่าอากาศยานนานาชาติคลาร์ก เมืองคลาร์ก สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เมื่อเวลาประมาณ 14.10 น. ตามเวลาท้องถิ่นของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง โดยมีผู้แทนรัฐบาลของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางถึงเมืองคลาร์ก ได้ออกเดินทางโดยรถยนต์ต่อไปยังโรงแรมดุสิตธานี ซึ่งเป็นโรงแรมที่พักที่กรุงมะนิลา จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะจะร่วมรับฟังบรรยายสรุปการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 31 และการประชุมสุดยอดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จากนั้นในช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีและภริยา จะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ในโอกาสการฉลองครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งอาเซียน

ด้าน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกำหนดการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 13-14 พ.ย.2560 ว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 31 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เป็นการประชุมที่เกี่ยวข้องกับผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 2 ภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีครบรอบ 50 ปี การก่อตั้งอาเซียน ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ นอกจากการประชุมของผู้นำอาเซียนแล้ว ยังเป็นการประชุมร่วมกับผู้นำของประเทศคู่เจรจาของอาเซียน โดยมีผู้นำจาก จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐฯ รัสเซีย และสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รวมทั้งผู้นำต่างประเทศที่เป็นแขกพิเศษของประธานคือ แคนาดาและสหภาพยุโรป (อียู) เข้าร่วมด้วย
 
พล.ท.วีรชน กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญที่ฝ่ายไทยจะผลักดันในที่ประชุมต่างๆ คือเรื่องการพัฒนาศักยภาพของประชาคมอาเซียน ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาความท้าทายทั้งจากในและนอกภูมิภาค เพื่อให้อาเซียนสามารถมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีพลวัตและการพัฒนาที่ยั่งยืน การย้ำความสำคัญของการที่อาเซียนจะต้องมีเอกภาพ เพื่อสามารถคงไว้ซึ่งความเป็นแกนกลางของอาเซียนในโครงการสถาปัตยกรรมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และศักยภาพของอาเซียนในการบริหารจัดการความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาค และการปูทางให้ทั้ง 10 ประเทศ สมาชิกอาเซียนร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไป ในช่วงหลังวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ.2025 เพื่อส่งเสริมประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริงและเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง.

...