"ชัยเกษม" ซัด 6 คำถามนายกฯ ชี้นำการเมือง ไม่ยอมปลดล็อกพรรคการเมือง บอกดีจะได้รู้คิดอะไรในใจ บอกไม่เชื่อให้ มท.ล่าคำตอบที่เป็นกลาง

เมื่อวันที่ 9 พ.ย.60 นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้ง 6 คำถามประชาชนว่า ความจริงแสดงให้เห็นว่าเขาคิดอะไรในใจ ซึ่งออกมาเป็นคำถามก็ดีแล้ว เราจะได้รู้ทันว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ เขาคงอยากให้ประชาชนตอบว่า อยากได้พรรคการเมืองหรือนักการเมืองหน้าใหม่ อันเก่าใช้ไม่ได้แล้ว ซ้ำซากมาแบบเก่าๆ การเมืองไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่จริงทำไมไม่ถามว่า อยากให้อยู่ต่อหรือเปล่า จะได้หมดเรื่องไปเลย การที่บอกว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง อย่าเหมือนเดิม เดี๋ยวกลับมาเหมือนเดิม ประเทศก็ไม่เปลี่ยนแปลง จริงๆ ก็ถามซักเลยอยากได้รัฐบาลเหมือนรัฐบาลปัจจุบันหรือไม่ และอยากถามว่าคนที่รวบรวมจะส่งคำตอบให้นายกฯ ในที่สุดแล้วนายกฯ จะได้แต่คำตอบที่เป็นที่พอใจเท่านั้นหรือไม่ ส่วนคำตอบที่ไม่พอใจก็มองข้ามไป ตนเดาว่าอย่างนั้น และทุกทีก็เป็นอย่างนั้น เมื่อคนมีอำนาจในบ้านเมืองเป็นคนถาม

นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า สำหรับคำถามข้อที่ 6 ที่ถามว่า ได้ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่า ทำไมช่วงนี้พรรคการเมืองและนักการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์มากผิดปกติ ทำให้ดูเหมือนว่าส่ิงที่ คสช.และรัฐบาลทำดูด้อยค่า ตอบว่าที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ก็เพราะรัฐบาลและ คสช.ทำไม่ได้ดีอย่างที่ประชาชนคิด ถ้าทำดีใครเขาจะออกมาโจมตี บางทีการถามก็เข้าตัว แต่คำตอบที่เข้าตัวเชื่อว่าไม่มีใครเอาไปบอกท่านหรอก เพราะกระทรวงมหาดไทยเป็นคนรวบรวม และถามว่ารวบรวมแล้วมีความน่าเชื่อถือไหม การตั้งคำถามอย่างนี้ต้องได้คนทำที่เป็นกลางจริงๆ ทำ ถึงจะได้ผลที่เป็นความจริง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนถาม และให้คนของตัวเองเป็นคนรวบรวมคำตอบ ยังไงก็ถูกใจท่านทุกข้อ

...

เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการชี้นำทางการเมืองหรือไม่ นายชัยเกษม กล่าวว่า คำถามของนายกฯ ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก นี่คือการเมือง และในฐานะผู้มีอำนาจในบ้านเมือง อะไรที่ทำแล้วได้ประโยชน์เขาก็ทำ รวมถึงการยังไม่ปลดล็อกทางการเมือง การตั้งคำถามเพราะว่าประชาชนมีหลายระดับ หลายพวก หลายฝ่าย อย่างน้อยก็ออกมาว่า มีฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล และต้องการอะไรแบบที่รัฐบาลทำ ไม่ว่าจะเป็นการออกกติกาในรัฐธรรมนูญ ในเรื่องการเลือกตั้ง พรรคการเมือง ทุกอย่างการเมืองทั้งนั้น พูดง่ายๆ ฉวยโอกาสในฐานะผู้มีอำนาจเด็ดขาดในบ้านเมือง อยากได้อะไรก็ออกมาก่อน ซึ่งมันไม่แฟร์เลย และในยุคนี้การเมืองไม่มีแฟร์ อย่าไปหวังอะไร.