"พิชัย" สวน "บิ๊กตู่" 6 คำถาม เพราะอยากอยู่ต่อ ตั้งพรรคทหาร ชี้ คสช.หนุนพรรคการเมืองเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ท้าประกาศไม่กลับมาเป็นนายกฯ ซัดแยกไม่ออกวิจารณ์โดยสุจริตหรือบิดเบือน

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถามคำถาม 6 ข้อ ซึ่งเป็นคำถามที่น่าจะสะท้อนกลับไปในความคิดที่น่าจะดูสับสนของผู้ถาม ไม่แน่ใจว่ามีจุดประสงค์อะไรในการถามคำถามอะไร ต้องการที่จะอยู่ต่อ หรือ ต้องการตั้งพรรคทหารของ คสช.เองใช่หรือไม่ หรือต้องการเบี่ยงเบนความนิยมที่ตกต่ำ จึงขอตอบคำถามดังนี้ 1. มีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้นมาโดยตลอด แต่ไม่ปรากฏว่าพรรคการเมืองจากทหารตั้งจะประสบความสำเร็จ ประชาชนจะเลือกพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีผลงาน ต้องถามประชาชนว่า 3 ปีที่ผ่านมา มีความสุขไหม ดีกว่าของเดิมหรือไม่ หากมีความสุขก็เลือกพรรคการเมืองที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าไม่มีความสุขก็ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทย 



นายพิชัย กล่าวว่า 2. ในฐานะประชาชนทั่วไป คสช.มีสิทธิที่จะสนับสนุนพรรคใดก็ได้ แต่ คสช.ในฐานะผู้กุมอำนาจรัฐที่ให้คุณให้โทษได้ การสนับสนุนพรรคใดก็จะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบของพรรคการเมือง และอาจมีการใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิด แม้นายกฯ จะลงเลือกตั้งไม่ได้ แต่รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้มีนายกฯ คนนอกได้ ถือเป็นประโยชน์ทับซ้อน นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ และคสช.ทุกคน จะประกาศว่าจะไม่กลับมาเป็นนายกฯ และไม่มาเป็นรัฐบาลอีก หลังการเลือกตั้ง 3. ประชาชน น่าจะตอบตอบคำถามนี้ได้ดี ว่า 3 ปี ผ่านมามีอะไรดีขึ้นบ้าง อนาคตเห็นอะไรบ้าง และถ้าพล.อ.ประยุทธ์จะมาเป็นนายกต่อจะเป็นอย่างไร



นายพิชัย กล่าวด้วยว่า 4. การจัดตั้งรัฐบาล ควรจะเป็นหลักการสากล คือ ต้องเคารพสิทธิและเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน หากพล.อ.ประยุทธ์เคารพเสียงประชาชนจริงอย่างที่พูด และอยากเป็นนายกฯ ต่อ ก็ควรจะลงสมัครรับเลือกตั้ง และถ้าประชาชนเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกอย่างสง่างาม มากกว่าจะเป็นนายกฯ คนนอก อย่างไรก็ตามความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีตเกิดมาจากการจัดตั้งโดยทหารมีส่วนร่วมด้วยใช่หรือไม่ 5. ต้องยอมรับว่า นักการเมืองในอดีต อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนและพัฒนาตัวเอง แต่ก็เป็นขั้นตอนการพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยที่ต้องใช้เวลา และปัญหาที่มีการปฏิวัติบ่อยทำให้การพัฒนาการการเมืองต้องหยุดชะงัก ทั้งนี้ สภาวะการเมืองในปัจจุบัน และทุกครั้งที่มีการปฏิวัติก็ไม่ปรากฏว่าจะมีประสิทธิภาพ และธรรมาภิบาลมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และประเทศพัฒนาในช่วงที่เป็นประชาธิปไตยมากกว่าช่วงมีรัฐบาลมาจากการปฏิวัติ



...

นายพิชัย กล่าวอีกว่า 6. ตนเป็นคนหนึ่งที่ให้ความเห็นและวิจารณ์รัฐบาลมาโดยตลอด บนข้อมูลของรัฐและข้อมูลที่เป็นจริงทั้งหมด ซึ่งเวลาบอกว่าอะไรบิดเบือน ก็ต้องบอกว่าอะไรที่ถูกต้องและไม่บิดเบือน เรื่องอะไรที่บิดเบือน เรื่องอะไรที่ถูกโจมตี รัฐบาลต้องมองตัวเองว่า การที่มีคนออกมาวิจารณ์มาก อาจจะเป็นเพราะผลงานที่ย่ำแย่ ประชาชนลำบากมากขึ้นหรือไม่ สะท้อนออกมาตามโพลที่ความนิยมลดลงใช่หรือไม่ ถ้าหากยังไม่แยกไม่ออกและยังไม่เข้าใจระหว่างการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตและการบิดเบือน การเข้าสู่การเมืองในระบอบประชาธิปไตยจะลำบากอย่างมาก ดังนั้นจึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ศึกษาหลักการทางประชาธิปไตยให้ชัดเจนก่อนและมีหลักคิดที่ถูกต้อง หากจะคิดตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนตนเองให้เป็นนายกฯ ต่อหลังการเลือกตั้ง.