"ถาวร" เหน็บ "บิ๊กตู่" ตั้งคำถาม หวังโยนหินถามทางเล่นการเมือง หนุนเปิดหน้าชก อยากตั้งพรรคก็เป็นสิทธิ์ ไม่ขอวิจารณ์ ด้าน "ณัฎฐ์" อัด 6 ข้อนายกฯ ไม่เข้าใจประชาธิปไตย ดักคอ คสช.ลากรถถังปกป้องพรรคนอมินี

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 60 นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำ กปปส. กล่าวถึง 6 คำถามเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ ว่า การตั้ง 6 คำถาม นายกฯ ตั้งได้เพราะสำรวจความคิดเห็นจากประชาชน หากว่านายกฯ จะเล่นการเมืองต่อ การเปิดหน้ากลายๆ แบบนี้ ถือว่าทำให้พวกเรารู้แล้วว่าท่านจะเล่นการเมือง แม้ไม่พูดตรงๆ ก็พอจะอนุมานได้ว่าท่านน่าจะเล่นการเมืองต่อ รัฐธรรมนูญก็เปิดโอกาสให้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะลงเลือกตั้ง หรือไม่ลงเลือกตั้ง ก็สามารถเป็นนายกฯ ได้ ยินดีต้อนรับในเกมนี้ด้วยความเต็มใจยิ่ง คะแนนเสียงเหมือนปลาในทะเล ทุกคนมีสิทธิ์จับได้ แต่อยู่ที่ความสามารถว่าใครจะจับได้เท่าไร เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว คะแนนนายกฯ ก็เหลือ 52 เปอร์เซ็นต์ ก็อยู่ที่ผลงาน ตนจึงไม่กังวล จะชี้นำหรือสั่งการ เป็นสิทธิ์ของคนที่ใช้แนวทางนี้ในการทำการเมือง ใครถนัดแนวไหนก็เล่นแนวนั้น ไม่สามารถเลียนแบบกันได้ หรือสามารถที่จะสั่งการใครได้ ส่วนการจะตั้งพรรคหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ หรือแสดงความตั้งใจก็เป็นสิทธิ์ของท่าน อย่าไปต่อว่า อย่าไปวิจารณ์

ด้าน นายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง 6 คำถามเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ ว่า ขออนุญาตทำความเข้าใจกับคำถามทั้ง 6 ดังนี้ ข้อ 1. ไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจถึงกระบวนการประชาธิปไตยมากน้อยเพียงใด เข้าใจหรือไม่ว่าพรรคการเมืองสามารถเกิดขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลา ตามที่กลุ่มคนที่มีความคิดทางการเมืองในลักษณะเดียวกันจะรวมกลุ่มกันตั้งพรรคการเมือง ปรากฏการณ์นี้มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ ยิ่งโดยเฉพาะหลังปฏิวัติรัฐประหาร เรามักจะเห็นทหารเก่ากลายเป็นนักการเมืองใหม่อยู่เสมอๆ คำถามก็คือ แล้วที่ผ่านมา เช่น ในการรัฐประหารปี 35 ปี 49 บุคคลเหล่านั้นสามารถทำให้ประเทศชาติเกิดการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงอย่างที่ควรจะเป็นได้หรือไม่

...

ข้อ 2. คสช. หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จะสนับสนุน พรรคการเมืองใดก็ได้ เมื่อมีการเลือกตั้ง คสช.จะเดินเข้าไปกาเลือกพรรคการเมืองใดก็ได้ คำถามนี้ทำให้ ย้อนนึกไปถึงพรรคเสรีมนังคศิลา และการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2500 ประเด็นก็คือเมื่อ คสช. ยังคงอยู่ และสนับสนุนพรรคการเมืองใดก็ตาม หากพรรคการเมืองที่ คสช. หรือ พล.อ. ประยุทธ์ จะสนับสนุน เกิดพ่ายแพ้หรือเพลี่ยงพล้ำ หรืออาจบริหารประเทศได้เลวทรามชั่วช้าในสายตาประชาชน หากแต่ยังคงสนองความต้องการของ คสช. ได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะในมิติใดก็ตาม จะมีหลักประกันใดที่จะยืนยันว่า คสช. จะไม่ลากปืนใหญ่ รถถังออกมาเพื่อเป็นเกราะป้องกันให้พรรคการเมืองที่ท่านสนับสนุนยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป

ข้อ 3. ส่วนตัวเชื่อว่าประชาชนมองเห็นสิ่งดีๆ ที่รัฐบาลนี้ได้ดำเนินการไว้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาตามสมควร แต่ก็เชื่อว่าประชาชนก็มองเห็นสิ่งต่างๆ ที่ผมไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ มองเห็นหรือไม่ เช่น แนวทางการพัฒนาชุมชนสร้างฝายแม่ผ่องพรรณ การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจด้วยการตั้งบริษัทในบ้านพักทหาร การเจรจาการค้าที่แม้เราจะไม่ได้ know-how ใดๆ จากจีน แต่ก็มีโอกาสในการกู้เงินเขา ซื้อสินค้าเขา ว่าจ้างบริษัทของเขามาสร้างความเจริญให้กับประเทศของเรา นี่ยังไม่นับรวมโอกาสในการป้องกันประเทศด้วยการได้เรือดำน้ำมาใช้ประจำการในกองทัพเรือ ยังไม่นับรวมผลงานแหล่งท่องเที่ยวใหม่อย่างอุทยานราชภักดิ์ ยังไม่นับรวมการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวอย่างมีประสิทธิภาพ การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ประชาชนเกือบทั้งประเทศตื้นตันจนพูดไม่ออก

ข้อ 4. การเอาแนวทางจัดตั้งรัฐบาลสำหรับรัฐบาลเลือกตั้งกับรัฐบาลชุดนี้ มาเปรียบเทียบกัน ย่อมไม่เป็นธรรมอย่างแน่นอน เพราะจากผลงานในข้อ 3 ตนเชื่อว่าถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งคงไม่สามารถอยู่บริหารประเทศต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรต่อไปได้แน่นอน

ข้อ 5. รัฐบาลในอดีตหลายๆ รัฐบาล ก็เป็นตัวอย่างของการบริหารที่มีประสิทธิภาพมีธรรมาภิบาล นโยบายและโครงการดีๆ ถูกผลักดันให้เกิดขึ้นมากมายในสมัยรัฐบาลชวน เห็นเป็นชิ้นเป็นอันก็เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่เริ่มต้นนับหนึ่งในยุคนั้น ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ดีขึ้นหลังภาวะวิกฤติทางการเมืองก็เกิดขึ้นในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จะเรียกหาธรรมาภิบาล ตนก็ขอเรียนว่าทุกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีกลไกการตรวจสอบฝ่ายบริหารด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้ว่าหลายรัฐบาลจะได้รับการยกมือผ่านการอภิปรายในสภา แต่กลไกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เปิดหูเปิดตาประชาชนให้ได้รับทราบข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา จนทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ในหลายครั้ง แล้วรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีอะไรเป็นกลไกธรรมาภิบาล

ข้อ 6. ที่จริงตนเข้าใจว่ามีเพียง นักการเมืองบางกลุ่ม หรือพรรคการเมืองบางพรรคเท่านั้นที่ออกมาเคลื่อนไหวด่า คสช. ด่ารัฐบาล และบิดเบือนข้อเท็จจริง ยังมีนักการเมืองจำนวนมากที่เขาก็ยังสงบปากสงบคำ ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น หรือให้ร้ายรัฐบาล อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังกล่าวหา นอกจากนั้น ก็ยังมีอีกหลากหลายความเห็นจากนักการเมืองที่ดีที่เขามองเห็นปัญหา และอยากจะชี้ช่องทางให้รัฐบาลแก้ไข ก็น่าจะถือเป็นความปรารถนาดีจากฟากฝั่งนักการเมืองที่มอบให้รัฐบาลในเวลานี้ ตนเพียงแต่คิดว่าสิ่งใดที่เป็นความเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ แม้จะไม่ถูกใจรัฐบาลบ้าง หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะมองอย่างมีธรรมาภิบาลก็น่าจะแยกแยะ ไม่เหมารวมตามคำถามในข้อนี้ได้