นายกฯ ยันไม่ปลดล็อกการเมือง อ้างสถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย กฎหมายลูกยังไม่สมบูรณ์ การันตีนักการเมืองแต่งตัวทันเลือกตั้งแน่
เมื่อวันที่ 7 พ.ย.60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองเรียกร้องให้ปลดล็อกทางการเมือง ให้สามารถทำกิจกรรมได้ว่า จากการประชุม คสช.เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ได้พิจารณาและประเมินสถานการณ์ มีการจัดทำเอกสารแจกสื่อ โดยตนได้เน้นให้พิจารณาประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ ทาง คสช.วันนี้ก็ได้ประเมินสถานการณ์ให้เห็น ซึ่งยังมีปัญหาหลายประการด้วยกัน เรื่องนี้ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะการเดินหน้าตามโรดแม็ปสำคัญที่สุด ทั้งนี้คำว่าโรดแม็ปของตน คือ กฎหมายต่างๆ ต้องสมบูรณ์ เรียบร้อยโดยเฉพาะกฎหมายลูกต้องเกิดความชัดเจนขึ้น ตนไปบังคับไม่ได้ เป็นเรื่องของ กรธ. สนช. ที่จะพิจารณากันไป จะเห็นชอบหรือไม่ เป็นเรื่องของท่าน ไม่ใช่ตนจะไปสั่งได้ว่าจะเอานู่นนี่ หรือไม่เอาอันไหน ตนไม่เคยสั่งเลย ถ้าสั่งได้คงไม่เป็นแบบนี้ คงไม่มีปัญหาทักท้วงอะไรมากมาย นี่คือสิ่งที่ตนทำอยู่ไม่ได้ใช้อำนาจ
"ส่วนที่เกรงกันว่าถ้าปลดล็อกการเมืองช้า พรรคการเมืองจะเตรียมการจัดตั้งพรรคไม่ทัน ภายในเวลาที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดนั้น ผมบอกแล้วว่า ปัญหาอยู่ที่กฎหมายลูก เรื่องใดก็ตามที่เป็นเรื่องที่พรรคการเมืองต้องทำ ผมคงไม่ปล่อยให้ทำไม่ทัน ผมมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการขยายระยะเวลาอะไรต่างๆ ให้เขาทำให้ทัน ผมมีอำนาจอยู่ตรงนี้ อย่าลืม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นการทำงานร่วมกันทั้ง คสช. ครม. สนช. กรธ. กกต. ซึ่ง กกต.ก็ยังไม่เรียบร้อย นั่นคือประเด็นที่เป็นปัจจัย ไม่ใช่เป็นเพราะตนไม่สั่งให้ช้า ให้เลิกให้เลื่อน มันอยู่ที่ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ว่าจะปลดล็อกได้อย่างไร เมื่อไหร่ ปลดอะไรก่อน อะไรหลัง หรือจะปลดพร้อมกัน เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาต่อไป
...
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตถึงกระแสข่าว คสช.จะตั้งพรรคการเมือง เพื่อต้องการลดขนาดพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะไปลดขนาดใครได้ เป็นเรื่องที่ประชาชนจะเลือก จะตั้งพรรคหรือไม่ตั้ง ประชาชนเป็นคนเลือก จะเลือกใครก็แล้วแต่ วันนี้ต้องมีทางเลือกให้ประชาชนหรือเปล่านั่น คือสิ่งที่ต้องพิจารณากันต่อไป ถ้าไม่มีทางเลือก เขาก็ไม่รู้จะเลือกใคร แล้วจะอย่างไรก็ไปคิดกันมาแล้วกัน ช่วยแนะนำทางออกให้ตนหน่อยว่าควรทำตัวอย่างไร
"ผมรับฟัง ผมไม่อยากที่จะสร้างความขัดแย้งกับใคร ผมอยากชี้แจงในอารมณ์ที่สงบ ซึ่งในที่ประชุมมีหลายเรื่องที่สั่งการไป ก็ขอให้ทุกคนพยายามรักษาสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยในช่วง 1 ปีที่เหลืออยู่นี้ ถ้าเราทำตรงนี้ให้สงบไม่ได้ มันต้องมีการคาดการณ์ในอนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก่อนการเลือกตั้ง หลังการเลือกตั้ง มีรัฐบาลแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ลองคิดแบบนี้กันดู มันจะกลับมาอีกหรือไม่ ความขัดแย้งอะไรต่างๆ ให้ท่านกังวลกับผมด้วย ไม่ใช่ว่าทุกคนสุมไฟกันไปมา สุมให้มันลุกไปเรื่อยๆ แล้วมาให้ผมทำให้สงบ ผมจะมีอะไรทำล่ะ นอกจากบังคับใช้กฎหมาย คงไม่มีอะไรทำได้ ที่ผ่านมาบางทีกฎหมายก็ทำไม่ได้ นั่นคือปัญหาของประเทศไทย ขอร้องเถอะอย่าให้สิ่งที่เราพยายามทำกันมา 3 ปี ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นั่นคือสิ่งที่ผมเป็นห่วง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะต้องมีปัจจัยอะไรที่ คสช.ต้องตั้งพรรคการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่รู้ ยังไม่ได้คิด เมื่อกี้พูดไปแล้วประเมินเอา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวถึงเรื่องการพิจารณาปลดล็อกพรรคการเมือง นายกฯ ได้ให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารสรุปการหารือของ คสช.เรื่องดังกล่าวแจกให้สื่อ เนื้อหาระบุว่า คสช.ได้พิจารณาประเมินสถานการณ์มาเป็นระยะๆ อยู่แล้ว แม้กระทั่งเช้าวันนี้และจะประเมินต่อไปทุกระยะ ความเห็นในขณะนี้มีว่าสถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย บ้านเมืองยังอยู่ระหว่างห้วงเวลาที่ยังไม่ควรมีความขัดแย้งทางการเมืองหรือทางอื่นใด กฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายที่จำเป็นต่อการเลือกตั้งก็ยังไม่เรียบร้อยยังไม่เข้าสภา กกต.ชุดใหม่ 7 คน ก็ยังอยู่ระหว่างการสรรหาไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ นายทะเบียนพรรคการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสำคัญทางกฎหมายพรรคการเมือง ก็ยังไม่มี มีแต่ผู้รักษาการแทน จึงขอให้การปลดล็อคที่พูดกันรอไปอีกระยะ อย่าตื่นเต้นกังวล ในระหว่างนี้ คสช.ขอให้คำยืนยันว่า 1.ทุกอย่างยังเดินต่อไปตามโรดแม็ป คือ จัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน นับจากเมื่อกฎหมายเลือกตั้งซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญ 1 ใน 4 ฉบับ ที่จำเป็นต่อการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ ส่วนกฎหมายนี้จะเสร็จได้เมื่อใด ขอให้ถามประธาน กรธ. และประธาน สนช.
2.ส่วนที่เกรงว่าพรรคการเมืองจะทำไม่ทันภายใน 90 วัน หรือ 180 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด และจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งนั้น คสช.ทราบเรื่องนี้ดี เพราะได้หารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด จึงคำนึงถึงอยู่แล้วขออย่าได้กังวล ระยะเวลาดังกล่าวเป็นเรื่องที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดขึ้นไม่ได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมได้ ในกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 141 นายทะเบียนพรรคการเมืองเพียงคนเดียว ก็สามารถอนุญาตให้ขยายเวลาดังกล่าวได้เป็นกรณีๆ ไป คสช.จึงจะไม่ทำให้เสียหายหรือกระทบต่อพรรคการเมืองใดๆ ไม่ว่าพรรคเก่าหรือพรรคตั้งใหม่เป็นอันขาด โดยจะใช้มาตรการพิเศษที่ คสช.มีหรืออาจใช้มาตรการอื่นๆ ทางกฎหมายตามวิถีทางรัฐธรรมนูญคลี่คลายปัญหาให้โดยจะปรึกษากับ กกต. และไม่ให้ประกาศ คสช.ที่ 57/2559 หรือคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 เป็นอุปสรรค หากแต่จะให้ทุกอย่างสอดคล้องและเดินหน้าไปด้วยกันได้ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งหรือความสามัคคีปรองดอง เพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข.