นายกฯ ลั่นปรับ ครม.ครั้งนี้คนไม่ผิด แต่ต้องการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ แจง "บิ๊กฉัตร" ไม่ใช่กล่องดวงใจ มีเพียงครอบครัวเท่านั้นที่ใช่ ส่วนที่เหลือถือเป็นเพื่อนร่วมงาน ขอร้องสื่ออย่าเอามาเกี่ยวโยงกัน ยัน "บิ๊กแป๊ะ" ไม่ได้ออกจาก ผบ.ตร.แค่ลาออกจากบอร์ดการบินไทย ด้าน "อธิสิทธิ์" เผย นายกฯขอบคุณทุกคนทำงานเพื่อชาติ ขออย่าโกรธ ย้ำมีความจำเป็นต้องปรับ ครม.
เมื่อวันที่ 7 พ.ย.60 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า อยากให้ทุกคนสนใจว่าการปรับ ครม.เป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่จะบริหารงานราชการในลักษณะทางการเมืองเท่านั้น และของข้าราชการการเมือง ซึ่งวันนี้เราทำหน้าที่งานการเมืองตรงนี้อยู่
เมื่อถามว่า ข้อเท็จจริงถึงกระแสข่าวที่จะมีการปรับลดโควตารัฐมนตรีที่มาจากทหาร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "คำถามที่ว่าจะลดโควตารัฐมนตรีที่มาจากทหาร ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมาเกลียดทหาร ที่ผ่านมาในช่วงแรกๆ อยากถามว่าใครเป็นคนทำ ช่วงแรกที่ยังไม่มีพลเรือนไม่มีใครเข้ามา แล้วใครเป็นคนทำงานระยะแรกกี่เดือน กี่ปี ก่อนที่จะมี ครม.ใครเขาทำ และเขาทำงานกันมาหรือไม่ ไม่รู้จะรังเกียจทหารอะไรกันนักหนา เขาก็ทำหน้าที่ทำทุกอย่างเริ่มต้นไว้ให้แล้ว"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ถ้าจำเป็นก็ปรับแค่นั้นเอง ยืนยันว่าไม่มีโควตาอะไรทั้งสิ้น ไม่มีคำว่าโควตาทหาร ตำรวจ พลเรือน อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์เอาคนนั้นคนนี้เข้ามา จะเอา ผบ.ตร.บ้าง คนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง ไปคิดอะไรกันนักหนา ตนคงไม่ใช้วิธีการนั้นในการปรับ ครม. รัฐบาล คสช. และตนมีหน้าที่ในการดำเนินการไปตามเจตนารมณ์ของ คสช.ในการเข้ามาตั้งแต่ปี 57 ว่าเราจะต้องทำอย่างไรให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย มีความมั่นคงมีเสถียรภาพ ทั้งการเมืองและความมั่นคง นำไปสู่การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ซึ่งเราได้ทำทุกอย่างมาอย่างต่อเนื่อง
...
ทั้งนี้สิ่งที่ทำวันนี้อาจจะไม่ตรงและไม่เหมือนที่ผ่านมา หลายครั้งที่ผ่านมาจะเห็นว่าการปรับเปลี่ยน ครม.ก็ไม่ได้ยั่งยืนอะไร วันนี้เราเข้ามาทำโครงสร้างโดยใช้งบประมาณ 2 ส่วน คือ ส่วนหนึ่งนำไปปรับโครงสร้าง รวมกลุ่มสร้างห่วงโซ่ใหม่ขึ้นมา ซึ่งไม่เคยมีการทำมาก่อนตนยืนยัน เพราะฉะนั้นงบประมาณที่จะนำไปดูแลไปให้ถึงประชาชนจึงต้องลดลง น้อยกว่าฝ่ายการเมืองที่ทำมา สังคมจึงเกิดความไม่เข้าใจ กลายเป็นว่ารัฐบาลนี้ไม่ดูแลประชาชนโดยเฉพาะคนยากจน เพราะถ้าดูแลแบบเดิมสนับสนุนเงินเพียงอย่างเดียวก็จะไม่สร้างความเข้มแข็ง ไม่เกิดความยั่งยืน
"เพราะฉะนั้นการปรับเปลี่ยนของรัฐบาลชุดนี้ก็จะขึ้นอยู่ที่ผลงาน ซึ่งยืนยันว่าทุกคนไม่มีข้อบกพร่อง แต่อาจจะไม่ถูกใจทั้งหมด วันนี้ประเทศไทยต้องเอาเหตุผล เอาหลักการทางความคิดมาพูด สื่อก็ต้องช่วยสร้างความเข้าใจ เพราะสื่อต่างก็รู้ดีว่าวันนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การปรับ ครม.ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรให้การปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์เดินหน้าต่อไปได้ ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ตนคิดว่า จะต้องทำอย่างไรต่อไปในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับ ครม. การปลดล็อกพรรคการเมือง และเรื่องอื่นๆ ขอร้องว่าอย่าให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีก
"ในส่วนการทำงานบางครั้ง อาจมีการกล่าวว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นกล่องดวงใจของนายกฯ ยืนยันว่ากล่องดวงใจผมมีเพียงครอบครัวของผม นอกนั้นคือเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ก็เป็นธรรมดาทุกคนก็มีเพื่อน ทุกคนก็มีด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ต้องมีลิมิตมีการขีดเส้นของผมว่าจะวางตัวอย่างไรกับเพื่อน กับผู้ร่วมงาน รัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมาบอกมาตลอดว่างานก็คืองาน ส่วนตัวก็คือส่วนตัว ผมไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน ดังนั้นก็ต้องไปดูว่าผลงานที่เขาทำมามีอะไรบ้าง ทั้งในด้านการสร้างความเข้มแข็ง การดูแลประชาชน เพราะฉะนั้นใครเข้ามาเป็นร มว.เกษตรฯ ก็โดนทุกที แม้กระทั่งนักการเมือง เข้ามานั่งที่กระทรวงเกษตรฯ ก็ถูกจับตาทุกครั้งไป แต่ถ้าให้เงินกับประชาชนเต็มที่จะผิดหรือถูกก็ไม่ว่า มักจะได้รับคำชม ผมไม่เข้าใจว่าสังคมเป็นอะไรกัน แต่ผมไม่โมโหสื่อ ต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้น ข้อร้องว่าอย่าใช้คำว่ากล่องดวงใจ เป็นกล่องเงินของผม ไม่มี ผมทำของผมเองได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับหลักเกณฑ์ในการปรับ ครม.นั้น ตนยึดในเรื่องของความเหมาะสมของสถานการณ์ ทำให้เกิดการปฏิรูป เดินหน้ายุทธศาสตร์ไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นทุกคนจะบอกว่าทุกอย่างที่ทำมามันเสียของ เป็นสิ่งที่ตนคิดอยู่เสมอว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เสียของ ทำอย่างไรงานด้านโครงสร้างจะต่อเนื่อง ทำอย่างไรการช่วยเหลือประชาชนจะได้มากขึ้น มีการจับกลุ่ม จัดประเภทให้เกิดความชัดเจน มีงบประมาณ และใช้งบประมาณอย่างถูกต้อง จะเห็นได้ว่ารัฐบาลชุดนี้มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขการใช้งบประมาณทั้งหมด เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ขอร้องว่าอย่าเอามาพัวพันกับการทุจริต เรื่องการทุจริตก็ต้องไปสอบสวน ติดตามอย่าไปเอาข่าวในโซเชียลมีเดียมาพูดกันจะเป็นตุเป็นตะ ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
"การปรับ ครม.ผมไม่ถือว่าใครบกพร่อง ผมปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ผมก็รับฟังเสียงของประชาชนด้วย แต่ผมยืนยันว่าไม่ได้ปรับเพราะเชื่อไปตามโซเชียลมีเดีย แต่สังคมไทยต้องยอมรับว่าเป็นแบบนี้ก็ลองดูก็แล้วกันว่า ปรับแล้วมันจะดีขึ้นหรือไม่ ถ้ามันไม่ดีขึ้นก็แสดงว่าไม่ได้อยู่ที่คน อยู่ที่ระบบ ซึ่งเราต้องแก้ไขระบบที่มันผิดเพี้ยน ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมายาวนาน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ลาออก ว่า "ไม่รู้ ใครออก" เมื่อถามย้ำว่า ผบ.ตร.ลาออก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการลาออกจากการเป็นบอร์ดบริษัทการบินไทย เท่านั้น
ด้าน พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วงท้ายการประชุม ครม.นายกฯได้กล่าวกับรัฐมนตรีว่า "หลายคนในที่นี้ได้ทำงานร่วมกันมากว่า 3 ปี ขอบคุณทุกคนที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ ซึ่งไม่มีใครทำผิดพลาด บกพร่องหรือทำอะไรผิด แต่ผมมีความจำเป็นต้องปรับเพื่ออนาคต อย่าโกรธอะไรผมเลย และผมขอใช้อำนาจของผมในการปรับ"