นายกฯ พอใจแผนยุทธศาสตร์ชาติ นศ.วปอ.ตรงยุทธศาสตร์ รบ. ย้ำทุกคนต้องร่วมกันขับเคลื่อนบนเรือลำใหญ่ ไม่ใช่เรือแป๊ะ ยันตลอด 3 ปี รบ.-คสช.เดินตามโรดแม็ป
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 14 ก.ย. ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก วิภาวดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ - ยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ. 2561-2580 ของคณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร นักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหาร และนักศึกษาวิทยาลัยการทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ ประจำปีการศึกษา 2560 โดยมีพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้แทนจากองค์กรต่างๆ เข้าร่วมรับฟังด้วย โดยมีความมุ่งหมายเพื่อเสนอแนะทางวิชาการแนวคิด เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงได้พิจารณานำไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งนำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติให้มีความชัดเจนมากขึ้น

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนในฐานะศิษย์เก่ารุ่นที่ 50 ซึ่งทุกคนคาดหวังจะให้ประเทศมียุทธศาสตร์ชาติ ถ้าตนไม่มายืนตรงนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีการคิดวิเคราะห์ตามหลักวิชาการ ปัญหาคือจะเกิดขึ้นได้แท้จริงอย่างไร แต่ในช่วงที่ผ่านมาเกิดขึ้นไม่ได้ โทษใครไม่ได้ ตนจึงจะต้องทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นให้ได้ วันนี้ตนรับหน้าที่เป็นประธานเกือบทุกกลุ่มจนหัวสมองเกือบแยกไม่ออก นั่งฟังไปก็คิดตามจนไฟช็อตในหัวไปหมด ยอมรับว่ายุทธศาสตร์ชาติของรุ่นนี้เป็นที่น่าพอใจ เพราะตรงกับยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลได้วางไว้ ท่ามกลางโลกวันนี้ที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเร็วจนคนตามไม่ทัน ทำให้เกิดความแตกต่างในขั้นพื้นฐาน ซึ่งเราก็ต้องพัฒนาให้ได้
...

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มีรับสั่ง 2 คำด้วยกันคือ ความเท่าเทียม และความเป็นธรรม หมายความว่าจะต้องทำให้คนทุกคน เข้าถึงโอกาสทางเลือก รายได้ อาชีพอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนรวย คนจน หรือผู้มีรายได้ปานกลาง ในฐานะพลเมืองไทย ซึ่งยอมรับว่ายากแต่ต้องพยายามทำให้เกิดความเข้าใจ ลดความเหลื่อมล้ำ ลดปัญหาทุกกลุ่ม ปล่อยให้เป็นแบบเดิมปัญหาก็จะเป็นแบบเดิมตามกลไกประชาธิปไตยเหมือนที่ผ่านมา จึงต้องมียุทธศาสตร์ชาติ ทุกพื้นที่ตารางนิ้วของประเทศมีเจ้าของ

"ดังนั้นไม่ว่าจะปรับจะแก้ปัญหาอะไรติดปัญหาที่คนไปหมด แต่ต้องทำแม้จะยาก จนกลายเป็นนิสัยคนไปแล้ว ซึ่งไม่ได้โทษใครทุกคนมีส่วนทำให้เกิดปัญหา เพราะมีประชาธิปไตยมาโดยตลอด และต้องมีต่อไป แต่ทำอย่างไรไม่ให้เป็นประชาธิปไตยแบบเดิมๆ ต้องทำให้ทุกอย่างเดินหน้าตามกรอบความจำเป็น ถือเป็นความเป็นความตายของประเทศ และต้องสร้างจิตสำนึก ถ้าไม่สร้างจิตสำนึกไม่มีทางสำเร็จ และตั้งแต่ตนเข้ามาก็ทำตามโรดแม็ปที่วางไว้ จนกระทั่งมีรัฐธรรมนูญ ตลอด 3 ปี ทั้งรัฐบาล คสช. ทำงานมาโดยตลอด มีการทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ การสร้างความปรองดอง และการปฏิรูป และการขับเคลื่อนให้กิจกรรมเร่งด่วนสำคัญ อาจจำเป็นต้องใช้กฎหมายมาตรา 44 แต่เพื่อให้ขับเคลื่อนไปด้วยกัน เพราะเราทุกคนกำลังนั่งเรือลำใหญ่ไปด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่เรือแป๊ะ" นายกฯ กล่าว.