"จาตุรนต์" โพสต์ สับ คสช.วางกลไกทรงอานุภาพผ่าน "ยุทธศาสตร์ชาติ-ปฏิรูประเทศ" สร้างกลไกเป็นรัฐพันลึก ในระบบ "โปลิตบูโร" ทำการเลือกตั้งไร้ความหมาย

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.60 นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "จากยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศถึงรัฐพันลึกและโปลิตบูโร ว่า เมื่อมียุทธศาสตร์ชาติแล้วแค่นั้นยังไม่พอ ยังมีของคู่กันเป็นเครื่องมืออีกอย่าง คือ แผนการปฏิรูปประเทศ บังคับใช้ ระบุไว้แล้วถึง 10 ด้าน และยังเปิดให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) กำหนดเพิ่มเติมอย่างไม่มีจำกัดได้อีกด้วย และยังมีระบบในการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผล หากพบหน่วยงานใดไม่ปฏิบัติตามแผน หรือทำอะไรไม่สอดคล้องกับแผนการปฏิรูป ก็จะเสนอหน่วยงานนั้นหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อทำให้สอดคล้อง ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็เสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติให้มีมติและสั่งให้หน่วยงานนั้นๆ ต้องปฏิบัติ มาตรการที่ใช้บังคับให้หน่วยงานของรัฐทั้งหลาย ปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศนั้น และหากหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามหรือสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ก็จะถูกดำเนินการโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

นายจาตุรนต์ ระบุต่อว่า ทั้งนี้กรณีที่สภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภาพิจารณารายงานตามมาตรา 24 แล้ว เห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่ดําเนินการตามมาตรา 26 วรรคสอง โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้สภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา แล้วแต่กรณี มีมติส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)พิจารณาดําเนินการกับหัวหน้าหน่วยงานของรัฐนั้นตามหน้าที่และอํานาจให้แล้วเสร็จ ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง และในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่า ข้อกล่าวหามีมูลให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหานั้นสั่งให้ผู้นั้นพักราชการหรือพักงาน หรือสั่งให้ออกจากราชการหรือออกจากงานไว้ก่อน หรือสั่งให้พ้นจากตําแหน่งต่อไป นี่ก็แสดงให้เห็นถึงอำนาจในการกำกับของวุฒิสภาที่มาจาก คสช.

...

อีกช่องทางหนึ่ง ในการกำกับให้หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ ก็คือ หากคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์พบว่าหน่วยงานของรัฐทำอะไรไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ก็จะเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ก็จะแจ้งให้ ครม.ไปสั่งการให้หน่วยงานของรัฐไปดำเนินการ หากหน่วยงานของรัฐไม่ดำเนินการ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ก็จะส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช.ดำเนินการเช่นกัน เว้นแต่เป็นกรณีของหน่วยงานของรัฐที่เป็นองค์กรในฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ หรือเป็นองค์กรอิสระ หรือองค์กรอัยการ ให้แจ้งให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐขององค์กรดังกล่าวเพื่อพิจารณาดําเนินการ ตามหน้าที่และอํานาจต่อไป 

นายจาตุรนต์ ระบุต่อว่า โดยจะเห็นได้ว่ากลไกสำคัญที่คอยกำกับให้รัฐบาล และหน่วยงานของรัฐทำตามยุทธศาสตร์และแผนปฏิรูปประเทศ ก็คือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ คณะกรรมการปฏิรูปด้านต่างๆ และวุฒิสภาซึ่งจะเชื่อมโยงกับการลงโทษตามกฎหมาย ป.ป.ช.เมื่อเป็นอย่างนี้รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ก็แทบจะไม่สามารถคิดหรือกำหนดนโยบายอะไร ที่เป็นของตนเองหรือที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ เฉพาะที่ต้องสาละวนอยู่กับการทำตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปต่างๆ และการดูแลให้หน่วยงานของรัฐทำตามด้วยเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมายก็อาจจะทำไม่ไหวแล้ว ยังไม่นับว่ายังมี "แนวนโยบายแห่งรัฐ" ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญให้ต้องปฏิบัติตามอีกด้วย

นายจาตุรนต์ ระบุต่อว่า โดยลักษณะนี้การเลือกตั้งก็ไม่มีความหมายอย่างการเลือกตั้งตามปกติทั่วไป ครม.จะไม่เป็นองค์กรกำหนดนโยบายในการบริหารบ้านเมืองอีกต่อไป หากจะเป็นกลไกที่มีไว้ปฏิบัติตามการกำกับของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะปฏิรูปทั้งหลายเท่านั้น ส่วนการเลือกตั้งก็จะไม่มีความหมายอย่างการเลือกตั้งตามปรกติทั่วไป คือ จะไม่เป็นช่องทางให้ประชาชนกำหนดนโยบายของรัฐบาลให้เป็นไปตามความต้องการของตนได้

"วิเคราะห์เรื่องยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศแล้วก็ทำให้นึกถึงคำ 2 คำ คำแรก คือ คำว่า "รัฐพันลึก" เพราะนี่เท่ากับเป็นการเพิ่มระบบและกลไกที่ทรงอานุภาพให้กับรัฐพันลึกโดยแท้ พร้อมกันนั้นก็เป็นการเผยตัวบางส่วนของรัฐพันลึกออกมาให้เห็นกันมากขึ้น อีกหนึ่งคำ คือ คำว่า "โปลิตบูโร" ในระบบการปกครองของประเทศสังคมนิยมหลายๆ ประเทศในอดีตที่ล่มสลายไปแล้ว ต่างกันก็แต่เพียงในประเทศเหล่านั้นโปลิตบูโรเป็นองค์กรของพรรคการเมืองที่มักถือตัวเองว่าเป็นพรรคปฏิวัติ แต่ของไทยเราเป็นองค์กรที่มีลักษณะต่างออกไป" นายจาตุรนต์ ระบุ

นายจาตุรนต์ ระบุอีกว่า ถ้าจะมีความต่างอีกอย่าง ก็คือ ระบบของไทยเรา ไม่รู้จะเรียกระบบอะไรดี ส่วนที่คล้ายกัน คือ เป็นระบบที่มีองค์กรเหนือรัฐบาลทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์และวางแผนการบริหารประเทศให้แก่หน่วยงานของรัฐทั้งประเทศ