เป็น‘รถสายตรวจ’สน.ลาดพร้าว นิพิฏฐ์เย้ยรัฐเป็นรองยิ่งลักษณ์ ชงบิ๊กตู่ปธ.ซุปเปอร์บอร์ดรสก.

สตช.มืดแปดด้านไร้ข้อมูลเส้นทาง“ปู”หนี ต่างชาติไม่ให้เบาะแส“ศรีวราห์”ชี้ตม.ไม่พบ หลักฐานบินออกนอกประเทศ ตชด.ปูพรมเส้นทางธรรมชาติไม่ปรากฏร่องรอย ตร.สากลรายงานไม่มีหลักฐานฝั่งกัมพูชา รถตราโล่พาหนีโอละพ่อ กลายเป็นรถสายตรวจ สน.ลาดพร้าวผ่านข้างบ้านโผล่กล้องวงจรปิด “นิพิฏฐ์” ชี้รัฐตกเป็นรอง จำเลยซุ่มเงียบขอลี้ภัยการเมือง เชื่อเดินเรื่องจบก่อน 27 ก.ย. ถ้าสำเร็จหมดสิทธิขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน “ชัยเกษม” ดักคอคดีการเมืองไม่มีใครส่งตัวให้ “บุญทรง” ดิ้นอุทธรณ์เล็งเพิ่มหลักทรัพย์-อ้างเหตุป่วยยื่นประกันรอบ 3 “บิ๊กตู่” โบ้ยรถต้องสงสัยให้ไปถามตำรวจ วอนหยุดเอาชนะคะคานวุ่นไม่จบ “วัชรพล” เมินคำขู่ล่าล้านรายชื่อถอดถอน โยน จนท.ศึกษาฟื้นคดีสลายม็อบ นปช.ปี 53 “เต้น” จ่อฟ้อง ม.157 ลาก ป.ป.ช.เป็นจำเลยร่วม

จากกรณีที่สังคมยังคลางแคลงใจว่าฝ่ายผู้มีอำนาจอาจมีส่วนช่วยเหลือให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีคดีออกไปนอกประเทศ ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่รับผิดชอบติดตามค้นหาตัวอดีตนายกฯ ยังไม่สามารถหาข้อมูลเส้นทางการหลบหนีได้ ทั้งที่มีการสั่งการให้ ผบก.ทุกจังหวัดตรวจสอบข้อมูลในทุกพื้นที่ รวมทั้งประสานงานกับต่างประเทศ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่เป็นประโยชน์ในการหาเบาะแส

สตช.มึน ตปท.ไร้คำตอบ “ปู” ล่องหน

เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงการหาเบาะแสค้นหาติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีไปต่างประเทศ หลังไม่มาฟังคำพิพากษาคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า จากการสอบถามขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดให้คำตอบที่เป็นประโยชน์กลับมา ในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ต้องมีทั้งเรื่องมารยาท มิตรภาพและความสัมพันธ์ จึงยังไม่สามารถตอบแทนประเทศเหล่านั้นได้ว่าจะช่วยเหลือเรามากน้อยแค่ไหน แต่จะใช้ช่องทางทูตตำรวจให้ เป็นประโยชน์ ส่วนที่มีกระแสข่าวมีตำรวจเข้าไปช่วยเหลือในการหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด รวมถึงยานพาหนะต่างๆ ที่ปรากฏออกมาทางสื่อ ทั้งหมดอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบ

...

โอละพ่อรถตราโล่สายตรวจปกติ

เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า รถยนต์ตราโล่ที่กล้องวงจรปิดหน้าบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์จับภาพได้เป็นรถสายตรวจรถยนต์ สน.ลาดพร้าว ปฏิบัติหน้าที่ตรวจตราตามวงรอบ ภาพที่ปรากฏเวลา 20.49 น. วันที่ 23 ส.ค. ร.ต.อ.วิรัตน์ เนื้อแก้ว รอง สวป.สน.ลาดพร้าว หัวหน้าสายตรวจลงเวลาในสมุดบันทึกเวลา 20.55 น. เวลาจากกล้องวงจรปิดกับเวลาลงบันทึกคลาดเคลื่อนกันเล็กน้อย และรายงานว่าเป็นการตรวจตามปกติ โดยไม่ได้ออกมาจากบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ออกมาจากข้างบ้าน ได้สั่งการให้นำไปให้เจ้าหน้าที่ พฐ.เก็บดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของตำรวจ ถ้ามีดีเอ็นเอแปลกปลอมจะได้ทราบว่ามีการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกนอกบ้านหรือไม่ ช่วงเวลานั้นมีรถวิ่งผ่าน 26 คัน ที่มีภาพรถยนต์ 7-8 คัน วิ่งเข้าออกบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์มีข้อมูลอยู่แล้ว พบรถยนต์ต้องสงสัย 1 คัน อยู่ระหว่างติดตาม แต่ไม่ได้ปรากฏในภาพ ส่วนกลุ่มบุคคล 14 คน ที่เข้าไปพบอดีตนายกฯ ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค เรียกมาสอบสวนบ้างแล้ว ให้การเป็น ประโยชน์ ทราบแน่ชัดว่าไม่อยู่ในบ้าน แต่ไปทางไหนยังยืนยันไม่ได้ เบาะแสที่ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังอยู่ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 23 ส.ค. เวลา 14.00 น.

มึนตึ้บยังตอบไม่ได้ “ปู” อยู่ที่ไหน

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบโซเชียลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บก.ปอท.รายงานว่ามีการโพสต์ข้อความจริง แต่ตรวจสอบสถานที่ไม่ได้ ด้าน ตม.ยืนยันยังไม่พบหลักฐาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศ ส่วนตามเส้นทางธรรมชาติทั่วประเทศ ตชด.รายงานกลับมาว่าไม่พบ ส่วนตำรวจสากลรายงานว่าในประเทศกัมพูชาก็ไม่มี ดังนั้นจะให้ตอบว่าอยู่ในประเทศหรือไม่คงตอบไม่ได้ แต่ถ้าตามหลักฐานทางราชการถือว่ายังไม่ได้ออกนอกประเทศ การที่ทางการตรวจสอบไม่พบ ก็มีโอกาสว่ามีการเล็ดลอดออกไปได้ เพียงแต่หลักฐานยังไม่ชี้ชัด ถ้ามีหลักฐานชี้ชัดว่าหลบหนีไปยังประเทศใด จะดำเนินการตามขั้นตอนส่งผู้ร้ายข้ามแดน การที่ตนยอมออกมาเปิดเผยรายละเอียด เพราะมีการสงสัยตำรวจ จึงให้นำรถยนต์มาตรวจสอบ เรียกตำรวจมาคุย เพื่อจะได้ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหลบหนี ต้องเอาตำรวจเราก่อนว่าผิดวินัยหรือไม่

ฮึ่มมีหมายจับใครพาหนีมีความผิด

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวต่ออีกว่า ก่อนหน้าที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่โดนออกหมายจับ ใครพาไปไหนยังไม่มีความผิด ต่อเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ศาลออกหมายจับใครพาไปจะมีความผิด ตำรวจต่างประเทศทั้ง 190 ประเทศ ตรวจสอบยังไม่พบการใช้หนังสือเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ การจะพูดถึงประเทศเพื่อนบ้านเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าเราไม่มีหลักฐานแล้วไปพูดอาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนจะมีหนังสือเดินทางประเทศอื่นหรืออย่างไรไม่ทราบ เพราะอาจเป็นไปได้ทุกอย่างมีสารพัดวิธี เอาแค่ออกนอกประเทศไปหรือยังก็ยังไม่มีใครยืนยัน เบื้องต้นให้สอบถามไปยังประเทศต่างๆ ทุก 5 วัน และให้ทุกหน่วยรายงานกลับมาเป็นระยะ

พฐ.เก็บดีเอ็นเอรถสายตรวจ

ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้นำเจ้าหน้าที่ พฐ. ไปเก็บหลักฐานที่รถสายตรวจ สน.ลาดพร้าว หมายเลขทะเบียน ฆห 7334 เพื่อเป็นการตรวจพิสูจน์หลังสังคมสงสัยว่าตำรวจจะพา น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนี โดยเป็นการเก็บดีเอ็นเอภายในรถเพื่อไปเปรียบเทียบกับตำรวจในโรงพักว่ามีดีเอ็นเอตัวไหนแปลกปลอมหรือไม่ ถ้ามีดีเอ็นเอตัวไหนแปลกปลอมมาจะได้สืบหาต่อไปว่าเป็นของใคร ด้าน ร.ต.อ.วิรัตน์ เนื้อแก้ว รอง สวป.สน.ลาดพร้าว กล่าวว่า วันนั้นเข้าเวรตามปกติกับพลขับ ไม่พบสิ่งผิดปกติ มีการลงบันทึกการตรวจที่ข้างบ้าน จากนั้นก็ขับรถออกมา

ผบ.ทบ.ยันกัดติดต่อเนื่องไม่ละทิ้ง

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีโครงการรับจำนำข้าวไปต่างประเทศว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า โดยในส่วนของตนที่เกี่ยวข้อง กับกองกำลังชายแดนแต่ละส่วนเร่งดำเนินงาน หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบ ยืนยันว่าติดตามอยู่ ไม่ได้ทิ้งเรื่องนี้และไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้สถานการณ์บานปลาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคงต้องใช้เวลา ในฐานะ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.)ในพื้นที่ชายแดนที่เกี่ยวข้องกับในส่วนงานต่างๆหยุดนิ่งแล้ว จึงไม่สามารถค้นหาข้อมูลได้เพิ่มเติม และจำเป็นต้องหาข้อมูลจากส่วนกลางที่รับผิดชอบ

คนใกล้ชิดยันรถทีมงาน “ปู” ไม่ใช่รถ ตร.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปรถยนต์ที่ระบุว่าเป็นรถที่ใช้พา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลบหนีในคืนวันที่ 23 ส.ค.นั้น คนใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ในส่วนที่มีการระบุถึงรถยนต์ยี่ห้อวีออสที่ใช้พา น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนี รถคันดังกล่าวเป็นของทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขับเข้าออกเพื่อนำเอกสารต่างๆ เกี่ยวข้องกับคดีเข้ามาหารือกันก่อนหน้าวันตัดสินคดีเท่านั้น ส่วนที่มีการระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การช่วยเหลือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยพบรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาวและสีดำ ที่มีตราโล่ขับผ่านเข้าออกบ้าน น.ส. ยิ่งลักษณ์ก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน เป็นเพียงรถของทีมงานที่ติดตามขบวนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่รถตราโล่ของตำรวจแต่อย่างใด

“นิพิฏฐ์” เย้ยรัฐเป็นรองทุกประตู

วันเดียวกัน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยว่า เรื่องนี้เป็นนิยายคมเฉือนคม แต่ละคนมีวิทยายุทธ์เท่าเทียมกัน ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีวิทยายุทธ์ เขาหนีออกไปไม่ได้หรอก ขณะนี้ถือว่าทางฝ่ายบ้านเมืองยังตกเป็นรอง โดยเฉพาะเรื่องการเปิดเผยภาพวงจรปิด ตนพูดแต่แรกต้องรีบดู แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไม่ดำเนินการ ผ่านไปหลายวันผู้เกี่ยวข้องหรือกระทรวงต่างประเทศก็ไม่ชี้ชัดว่าคนหนีอยู่ที่ไหน ส่วนตัวมองว่าที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์เงียบ เพราะเขาต้องการลี้ภัยทางการเมือง โดยกระบวนการขอลี้ภัยยังไม่แล้วเสร็จ คนที่จะทำเรื่องลี้ภัย จะไปร้องแรกแหกกระเชอไม่ได้ เดี๋ยวประเทศที่ไปขอลี้ภัยจะไม่อนุญาตให้ลี้ภัย แต่ตอนนี้ฝ่ายรัฐจะทำอย่างไรได้ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์หนีไปแล้ว ยิ่งถ้าขอลี้ภัยได้สำเร็จจะไม่มีทางทำเรื่องขอส่งตัวกลับมาได้

ยังไม่ตัดสินขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนไม่ได้

นายนิพิฏฐ์กล่าวอีกว่า อีกมุมหนึ่งคือการจะไปให้ตำรวจสากลจับตัวกลับมาตอนนี้คงทำไม่ได้ เพราะต้องรอคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 27 ก.ย. ที่ไม่มี ใครเดาผลคำตัดสินศาลได้ กว่าจะถึงวันที่ 27 ก.ย. คงไม่ทัน ถึงวันนั้นกระบวนการขอลี้ภัยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์คงจบแล้ว “ในมุมต่อสู้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในอนาคต มีทางเดียวคือต้องทำทุกวิถีทางให้พรรคเพื่อไทยกลับมาชนะการเลือกตั้ง ถ้าชนะความชอบธรรมทางการเมืองจะกลับมา แต่ไม่ได้หมายความว่า ชนะเลือกตั้งแล้วจะกลับมาไทยได้เลย เพราะความชอบธรรมทางกฎหมายจะยังไม่เกิด ถ้าศาลบอกว่าผิด กลับมาแล้วก็ต้องรับโทษ” นายนิพิฏฐ์กล่าว

ก.ม.ยังไม่ใช้ไม่ควรพิจารณาลับหลัง

ด้านนายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการพิจารณาคดีลับหลังจำเลย ในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า เมื่อกฎหมายยังไม่มีการประกาศใช้ การพิจารณาคดีลับหลังโดยปกติยังไม่สามารถทำได้ และยังถกเถียงกันอยู่ เพราะฝ่ายหนึ่งระบุเป็นวิธีพิจารณาลับหลังได้ แต่อีกฝ่ายบอกว่าแม้เป็นวิธีพิจารณาแต่อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นโทษกับจำเลย ปกติไม่ควรลับหลัง เพราะเรื่องกฎหมายเวลาที่เราไปทำอะไรสักอย่าง เราต้องรู้ว่าทำแล้วถูกดำเนินการอย่างไร มีวิธีการอย่างไร ซึ่งเป็นวิธีพิจารณาเหมือนกัน ต้องหาคนชี้ขาด ศาลต้องเป็นคนชี้ขาดว่าในที่สุดแล้วทำลับหลังได้หรือไม่ ตรงนี้ตนพูดในแง่ของทฤษฎี ส่วนในแง่การปฏิบัติสำหรับบ้านเราแล้วเดาใจอะไรไม่ได้เลย ต้องปล่อยให้คนเกี่ยวข้องว่ากันไป เพราะตอนนี้ต่างมีความเห็นทั้งสองฝ่าย เราไม่มีแนวและมาตรฐานมาก่อน แต่โดยหลักว่าไม่ควรจะมีการออกกฎหมายพิจารณาคดีลับหลัง ควรดำเนินการต่อหน้า แต่บ้านเราพูดยาก

ชี้มูลเหตุการเมืองไม่มีใครส่งตัวให้

นายชัยเกษมกล่าวอีกว่า ฝ่ายบ้านเมืองมีเครื่องไม้เครื่องมือเยอะแยะ รู้ว่าไปต่างประเทศก็ไปขอส่งตัวกลับมา แต่ไม่ใช่เหตุจะมาอ้างว่าพิจารณาลับหลังจำเลยได้ อย่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ดำเนินคดีลับหลังได้ ถือว่าขัดต่อหลักสากลที่เขาใช้กัน ไม่มีใครส่งกลับ และไม่สามารถเอาตัวกลับมาได้ เพราะมีมูลเหตุความผิดมาจากการเมือง เช่นเดียวกัน คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็มีมูลเหตุจากการเมือง เขาก็ไม่ส่งข้ามแดนเหมือนกัน พอเขาไม่ส่งกลับก็อ้างอย่างนั้นพิจารณาลับหลังเลย จะได้ไม่ต้องกลับมาตลอดชีวิต ส่วนการลี้ภัยทางการเมืองอย่างประเทศอังกฤษ ถ้าอะไรที่ใครถูกกลั่นแกล้งมา ถ้าอยู่ต่อไปอาจมีอันตรายในประเทศตัวเอง ขอลี้ภัยก็อนุญาต อันนี้เป็นกติกาของแต่ละประเทศ

สถานการณ์คลี่คลาย “ตือ” จี้ปลดล็อก

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์หนีออกนอกประเทศ อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะประกาศตลอดว่าพร้อมสู้คดี อีกทั้งยังมีก๊อกสองให้ต่อสู้อุทธรณ์ได้ พรรคเพื่อไทยจากนี้หากองค์กรกับการบริหารจัดการดี ใครจะมาเป็นผู้นำไม่สำคัญ ทุกพรรคการเมืองต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ รองรับความรู้สึกของประชาชนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงการปฏิรูป หากยังย่ำเท้าจมอยู่ไปไม่ได้แน่นอน เชื่อว่าหลังเสร็จงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และพระราชพิธีราชาภิเษก คงเข้าสู่โหมดผ่อนปรนทางการเมืองและคืนอำนาจให้ประชาชนกลางปี 61 เป็นต้นไป สถานการณ์การเมืองคลี่คลายไม่เขม็งเกลียวเหมือนแต่ก่อน เหตุการณ์วันที่ 25 ส.ค. ยืนยันได้ดี

“บุญทรง” สู้อุทธรณ์-ประกันรอบ 3

นายนรินทร์ สมนึก ทนายความของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีกล่าวถึงแนวทางการยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวครั้งที่ 3 ว่า ต้องรอคัดคำพิพากษาฉบับเต็มเพื่อมาศึกษาจะยื่นประกันตัวครั้งต่อไปพร้อมกับยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา ยังคุยกันอยู่ว่าจะพิจารณาเพิ่มหลักทรัพย์และอ้างเหตุความเจ็บป่วยของนายบุญทรงประกอบ ส่วนจะยื่นวันใดยังไม่สามารถตอบได้ แต่จะเร่งให้เร็วที่สุด สุขภาพของนายบุญทรงตอนนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง เครียดยังยิ้มไม่ออก มีญาติไปเยี่ยมตลอด นายบุญทรงได้คุยกับตนอยู่ก่อนแล้วว่าจะสู้อุทธรณ์ โดยให้ตนมีอิสระในการเขียนคำอุทธรณ์ในประเด็นที่ศาลไม่ได้วินิจฉัย เอาเป็นข้อต่อสู้ได้เต็มที่

“บิ๊กตู่” สั่งตั้ง กก.ตรวจข้าว 8 โกดัง

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การระบายข้าวก้าวหน้าเป็นไปตามระเบียบที่วางไว้ จากนี้ภาระการเก็บรักษาจะเบาลงมาก วันนี้ได้ตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติมอีก 1 คณะตรวจสอบกรณีเจ้าของโกดังข้าว 8 แห่ง ขอให้รัฐบาลตรวจสภาพข้าวใหม่ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีการปล่อยปละละเลย ขณะนี้มีข้าวในคลังกว่า 200,000 ตัน ที่ยังไม่ได้รวมกับข้าวในโกดัง ขอให้ช่วยกันหน่อย อะไรที่เป็นข่าวแล้วเกิดผลกระทบโดยรวม ต้องสร้างความเข้าใจกับชาวนาว่า หากร่วมมือกับรัฐบาลจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง รัฐบาลมุ่งหวังให้พวกเขาคิดเป็น อย่าทำให้มีปัญหา ประเทศเราปัญหาเยอะอยู่แล้ว เรื่องอะไรที่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ก็ให้ว่ากันไป

โบ้ยคลิปรถต้องสงสัยไปถาม ตร.

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า ยังไม่มีรายงานอะไรเข้ามา ส่วนที่มีการเผยแพร่ภาพรถยนต์ต้องสงสัยที่เข้า-ออกบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ซอยโยธินพัฒนา 3 นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงแล้ว ก็ไปถามตำรวจจะมาถามตนทำไม

วอนหยุดเอาชนะคะคานวุ่นไม่จบ

เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ว่าการเคารพกติกาสังคมที่จะนำไปสู่การปฏิบัติตนในกรอบของกฎหมาย รวมทั้งไม่ยอมให้ใครละเมิดกฎหมาย ถือว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายเป็นพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หากเราต้องการให้ดอกไม้แห่งประชาธิปไตยเบ่งบาน งดงามในอนาคต เราต้องปลูกฝังจิตสำนึกด้วยการให้เหตุและผลอย่างลึกซึ้ง รับฟังความเห็นต่างหรือเหตุผลของผู้อื่น และอย่าลืมเคารพกฎหมาย อย่าไปดูเฉพาะรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว เพราะจะทำให้สังคมสับสนอลหม่าน ขอให้ทุกคนหนักแน่นพยายามหาวิธีบำบัดที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายกระบวนการยุติธรรม เราต้องหาข้อสรุปให้ได้ หากนำประเด็นเหล่านั้นมาสร้างความขัดแย้งจะปรองดองไม่ได้ รัฐบาล คสช.พยายามทำงานอย่างเต็มที่ ขอให้ทุกคนได้แยกแยะให้ออกว่าอะไรที่จะสร้างความขัดแย้งสร้างปัญหา แล้วมีผลกระทบต่อประเทศ หากเอาชนะคะคานกันต่อไปมันไม่จบซักเรื่อง

“วัชรพล” ให้ จนท.ศึกษาฟื้นสลาย นปช.

อีกเรื่อง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เรียกร้องให้ ป.ป.ช.รื้อฟื้นคดีสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ปี 53 ใหม่ว่า ได้มอบให้เจ้าหน้าที่ไปศึกษาและวิเคราะห์พยานหลักฐานที่กลุ่ม นปช.ยื่นมาว่า อยู่ในเป็นพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งแตกต่างจากที่เคยยื่นมาแล้วหรือไม่ จะต้องนำมาเปรียบเทียบกับหลักฐานเดิมที่ ป.ป.ช.เคยชี้มูลไปก่อนหน้านี้ แล้วนำเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาลงมติกัน ถ้าพบว่ามีหลักฐานใหม่จริงสามารถรื้อฟื้นคดีได้ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า ใช้เวลาพิจารณานานแค่ไหน หรือต้องเร่งรัดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อมูลใหม่ที่ นปช.ยื่นมา

ไม่กดดันเสียงขู่ล่าล้านชื่อถอดถอน

พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวอีกว่า “ยืนยันว่า ป.ป.ช.พร้อมให้ความเป็นธรรม จะพิจารณาหลักฐานที่กลุ่ม นปช.ยื่นมาใหม่อย่างรอบคอบ ส่วนที่ นปช.จะล่าชื่อประชาชน 1 ล้านคนถอดถอน ป.ป.ช. หากไม่รื้อฟื้นคดีนั้นไม่รู้สึกกดดัน พร้อมพิจารณาทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมาย”

ป.ป.ช.ยัน ปธ.โน้มน้าวลงมติไม่ได้

นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเตรียมยื่นถอดถอนคณะกรรมการ ป.ป.ช.ต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณียื่นอุทธรณ์คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯปี 2551 เฉพาะ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.คนเดียวว่า มีสิทธิยื่นได้ แต่ต้องดูว่าจะยกเหตุพฤติการณ์ใดมาถอดถอน ยืนยันว่า ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์เฉพาะ พล.ต.ท.สุชาติเพียงคนเดียว ยึดจากคำพิพากษากลางและคำวินิจฉัยส่วนตัวขององค์คณะศาลฎีกาฯ ที่รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1-3 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การชุมนุมขณะนั้น ขณะที่ พล.ต.ท.สุชาติเป็น ผบ.เหตุการณ์ ไม่มีการปรับเปลี่ยนมาตรการปราบปรามให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ไม่สามารถโน้มน้าวกรรมการ ป.ป.ช.คนอื่นๆในการลงมติได้ ทุกคนเป็นอิสระ ประธาน ป.ป.ช.ก็ของดออกเสียง ส่วนกรณีที่มีอดีต ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.จ.มหาสารคามร่วมแถลงข่าวกับกลุ่มพันธมิตรฯ ระบุว่ามีกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน 4 คน เคยร่วมลงมติชี้มูลความจำเลยทั้ง 4 คนสมัยที่มีนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธาน ป.ป.ช. แต่กลับลงมติไม่อุทธรณ์จำเลยที่ 1-3 นั้น เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2552 ที่ ป.ป.ช.ชุดเดิมลงมติชี้มูลความผิดจำเลยทั้ง 4 คน กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 4 คนยังไม่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เลย

ขู่ฟัน ม.157 ร้อง ป.ป.ช.เป็นจำเลยร่วม

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวว่าต้องพูดกันให้ชัดว่าคำพิพากษาศาลฎีกาไม่ได้ทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯพ้นผิด แต่คือการชี้ว่าคดีเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ในฐานะพนักงานสอบสวน และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะทำหน้าที่พิพากษา สถานะของนายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพวันนี้จึงยังเป็นผู้ถูกกล่าวหาในสำนวนของ ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการร้องขอให้พิจารณาใหม่ ส่วนกรณีที่ประธาน ป.ป.ช.ระบุว่าต้องพิจารณาว่าสิ่งที่ยื่นมาเป็นหลักฐานใหม่หรือไม่นั้น อยากถามว่า ถ้าดูการสั่งฟ้องคดีสลายการชุมนุมพันธมิตรฯกับการสั่งไม่ฟ้องกรณีสลายกลุ่ม นปช.จะบอกตัวเองได้หรือว่าคือความยุติธรรม ทั้งนี้ กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะจากคำพิพากษาคดีกลุ่มพันธมิตรฯ และคำวินิจฉัยสาเหตุการตายโดยศาลอาญา ถ้ากรรมการ ป.ป.ช.ต้องการเป็นจำเลยร่วม ก็มีทั้งการฟ้องมาตรา 157 และรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการไต่สวนสาธารณะ ไม่ได้ต้องการเผชิญหน้ากับ ป.ป.ช. แต่ต้องการให้ ป.ป.ช.เผชิญหน้ากับความอยุติธรรมที่พวกตนได้รับ

“เอกชัย” หวั่นไฟขัดแย้งรอบใหม่ปะทุ

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดองในคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการ สร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกายกฟ้องคดีสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ว่า กรณีสลายชุมนุมยังไม่ตัดสิน ที่ตัดสินคือไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของอัยการที่จะมาฟ้องศาล ต้องลุ้นว่าจะมีคนยื่นให้ ป.ป.ช. ดำเนินการเพื่อไปยื่นศาลทางการเมืองต่อไปหรือไม่ แต่มีผลต่อความรู้สึกของทุกฝ่าย เช่น คดีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ที่ยกฟ้องไม่มีความผิด แต่มีการฟ้องบุคคลอีก โดย ป.ป.ช.ยื่นมาก็เป็นปัญหาอีก กลุ่มพันธมิตรฯจะบอกว่าทำไมไม่มีความผิด กระเพื่อมไปหมด ไม่พอใจกันทุกฝ่าย ความขัดแย้งส่วนหนึ่งมาจากการใช้สื่อโจมตีกันทางการเมืองและรูปคดี ต้องห้ามทุกฝ่ายพูดวิจารณ์ ไม่อย่างนั้นจะไปไม่ได้ จะกลายเป็นสร้างความขัดแย้งใหม่อีก

เตือนระวังออก ก.ม.ช่วย “ยงยุทธ”

วันเดียวกัน นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พบว่ากำลังจะมีการออกกฎหมายกรณีที่ดินอัลไพน์ โดยสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และกรมที่ดิน มีแนวคิดจะเสนอร่าง พ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ซึ่งวัดกับมูลนิธิเป็นคนละส่วน รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรทำให้เป็นไปตามพินัยกรรมและความประสงค์ของนางเนื่อม คือทำให้ที่ดินกลับไปเป็นของวัด แล้วจากนั้นจึงมาแก้ปัญหาให้กับผู้ได้รับผลกระทบ เช่น ประชาชนที่ซื้อบ้านจัดสรรหรือที่ดินในโครงการ ด้วยความสุจริตใจ คิดว่ารัฐบาลไม่ควรเอาด้วยกับกฎหมายนี้ เพราะอาจเป็นคุณให้กับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีต รมว.มหาดไทย ที่ถูกศาลอาญาคดีทุจริตตัดสินจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา ที่อาจยกกฎหมายนี้มาสู้คดีตอนอุทธรณ์ได้ จะเป็นการช่วยให้พ้นผิด

ชงนายกฯนั่ง ปธ.ซุปเปอร์บอร์ด รสก.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสนช. ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.เป็นประธาน ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ ที่ ครม. เสนอสาระ สำคัญคือ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจภาพรวมทั้งระบบ มีนายกฯเป็นประธาน รองนายกฯ ที่นายกฯมอบหมายเป็นรองประธาน กรรมการโดยตำแหน่งได้แก่ รมว.คลัง รมต. 2 คน รวมถึงปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผอ.สำนักงบประมาณ และประธานกรรมการบรรษัท และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ ครม. แต่งตั้งอีก 5 คน โดยสมาชิกส่วนใหญ่อภิปรายท้วงติง ห่วงว่าในอนาคตฝ่ายการเมืองอาจใช้ช่องทางแต่งตั้ง คนร.ในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าแทรกแซงรัฐวิสาหกิจ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ชี้แจงว่า ผู้ทรงคุณวุฒิได้กำหนดคุณสมบัติไว้ชัดเจน ครม.ไม่สามารถแต่งตั้งใครมาดำรงตำแหน่งตามใจได้ ต่อมา สนช. ลงมติเป็นเอกฉันท์ 169 คะแนน รับหลักการวาระที่ 1 ตั้ง กมธ.พิจารณาให้เสร็จภายใน 60 วัน ก่อนส่งกลับมายัง สนช.เพื่อให้ความเห็นชอบอีกครั้ง

ตั้ง กมธ.ร่วมกฎหมาย กสม.

จากนั้นเวลา 14.00 น. นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. เป็นประธานที่ประชุม สนช.ให้ความเห็นชอบตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) หรือกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ตามมาตรา 267 วรรค ห้า รัฐธรรมนูญ จำนวน 11 คน ประกอบด้วยสัดส่วนของ กรธ. 5 คน สนช. 5 คน และนายวัส ติงสมิตร ประธาน กสม. เพื่อพิจารณากรณีที่ประธาน กสม.ได้มีข้อโต้แย้งมาว่าร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น กำหนดการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับจากวันที่แต่งตั้ง

สั่ง กคป.ชดใช้ ปตท. 9.7 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาคดีที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอิทธิบูรณ์ อ้นวงษา นายทศพล แก้วทิมา นายระวี มาศฉมาดล และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กลุ่มแกนนำกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย (กคป.) เป็นจำเลยที่ 1-4 ฐานกระทำละเมิด กรณีเมื่อวันที่ 13 ม.ค.57 จำเลยร่วมกันนำผู้ชุมนุมบุกรุกพื้นที่ของอาคารเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ ของบริษัท ปตท. ทำให้โจทก์เสียหาย ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นผลให้พนักงานของโจทก์และประชาชนไม่สามารถหรือไม่สะดวกในการเข้าใช้อาคารและพื้นที่เพื่อประกอบการงานตามปกติได้ เป็นการใช้สิทธิที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จึงเป็นการร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมชดใช้ค่าเสียหาย 9,714,480 บาท

นายกฯบินประชุมกลุ่มตลาดใหม่

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและคณะ มีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมระหว่างผู้นำกลุ่มประเทศ BRICS กับประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา ที่สาธารณรัฐประชาชน จีน ระหว่างวันที่ 4-5 ก.ย. ไทยไปในฐานะแขกของประเทศเจ้าภาพ โดยวันที่ 4 ก.ย.นายกฯจะพบหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนจะเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน และวันที่ 5 ก.ย. จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และเดินทางกลับในช่วงบ่ายวันเดียวกัน

เตรียมถก ครม.ไทย–กัมพูชา ครั้งที่ 3

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.มีกำหนดเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 3 ในวันที่ 7 ก.ย. โดยจะหารือทวิภาคี นายกฯจะย้ำความร่วมมือเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณชายแดน ความร่วมมือด้านแรงงาน การส่งเสริมการค้า และการลงทุน สินค้าเกษตร การส่งเสริมความเชื่อมโยงทางถนน ทางราง และทางน้ำ จากนั้นจะร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามแถลงการณ์ร่วมการประชุมร่วมและความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนไทย-กัมพูชา และจะเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จวิบูลเสนาภักดี สาย ชุม ประธานวุฒิสภา และรักษาการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ก่อนไปวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ และเป็นประธานร่วมพิธีเปิดสวนมิตรภาพกัมพูชา-ไทย ใจกลางกรุงพนมเปญ

โปรดเกล้าฯ นายทหาร 990 อัตรา

ช่วงค่ำผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ จำนวน 990 ตำแหน่ง ประกาศเมื่อวันที่ 1 ก.ย.โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ มีตำแหน่งที่น่าสนใจ อาทิ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม เป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม รอจ่อขึ้นปลัดกระทรวงกลาโหมปีหน้า ด้านกองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ. ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ เสนาธิการทหาร ขึ้นเป็น ผบ. ทหารสูงสุด พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี รองเสนาธิการทหาร เป็นเสนาธิการทหาร

“บิ๊กแดง” ผู้ช่วย ผบ.ทบ.- “ตู่เล็ก” มทภ.1

กองทัพบก พล.อ.สสิน ทองภักดี เสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทบ. พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. พร้อมกับ พล.ท.วีรชัย อินทุโสภณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการ รักษาดินแดน เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.ท.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองเสนาธิการทหารบก ขยับขึ้นเป็นเสนาธิการ ทหารบก พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา หรือตู่เล็ก แม่ทัพน้อยที่ 1 ในสายบูรพาพยัคฆ์ น้องรัก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงและ รมว. กลาโหม ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ตามคาด ขณะที่ พล.ต. ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ฟากกองทัพเรือ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้ช่วย ผบ.ทร.ขึ้นเป็น ผบ.ทร. พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการ ทหารเรือ เป็นรอง ผบ.ทร. เพื่อรอจ่อคิวขึ้นเป็น ผบ.ทร. ในปีต่อไป