ความจริงเท่านั้น คือคำตอบ
ปฏิกิริยาหลังจากอดีตนายกฯหญิง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ล่องหนในฐานะจำเลยคดีจำนำข้าวไม่ไปฟังคำพิพากษา ก็มีการตั้งคำถามเอาไว้ 2 ประเด็น
1.ตั้งใจหนีด้วยวิธีการที่วางแผนเอาไว้อย่างแยบยล
2.คสช.รับรู้การหายตัวไป
ถือเป็นเรื่องปกติที่ต่างคนต่างคิดถึงความน่าจะเป็นตามความรู้สึก ตามการคาดการณ์ด้วยประสบการณ์ที่เคยเห็นมา ตามแง่คิดในมุมมองทางการเมือง
แต่เมื่อยังไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะยังไม่มีการตรวจสอบอย่างชัดเจนก็เลยต้องหาคำตอบกันต่อไปว่าเรื่องมันเป็นอย่างใดกันแน่
หรือให้เจ้าตัวโผล่โฉมออกมาเองก็จะเป็นความจริงที่ชัดเจน
เชื่อว่าคงรอไปอีกระยะอย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงวันที่ 27 ก.ย. 60 ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดให้มาฟังคำพิพากษาอีกครั้ง นั่นแหละคงมีเบาะแสให้เห็นแน่
เพราะในวันนั้นจะมีผลออกมาหลายอย่างหากเจ้าตัวไม่มาศาล ก็จะมีพิจารณาลับหลังหรือยังไม่พิจารณาก็เป็นเรื่องของศาล
หรือหากมีการพิจารณาตัดสินผลจะออกมาอย่างไร เช่น มีความผิดถึงขั้นต้องจำคุก หรือทำผิดแต่ให้รอลงอาญาเอาไว้ก่อน
หรือพิพากษา “ยกฟ้อง” ไม่มีความผิด
วันนั้นผลจะออกมาอย่างไรก็คงได้เห็นอะไรเกิดขึ้นได้
ที่แน่ๆวันนี้ได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหว แต่ไม่ได้ออกมาจากเจ้าตัวโดยตรง ทว่ามาจาก “พี่ชาย” นายทักษิณ ชินวัตร ได้ทวีตข้อความอันเกี่ยวข้องกับคดีและน้องสาวของเขาด้วยการยกเอาคำกล่าวของ “มงแต็สกีเยอ” นักปรัชญาการเมืองชาวฝรั่งเศส
“ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งใหญ่กว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำ โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม”
“มงแต็สกีเยอ” มีชื่อเสียงโด่งดังจากผลงานเสนอทฤษฎีแบ่งแยกอำนาจในระบอบการปกครองที่เสรีและใช้ได้จริง หากปราศจากการคานอำนาจกันระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลากการ ก็จะไม่เกิดเสรีภาพ และการป้องกันการใช้อำนาจในทางที่ผิด
ซึ่งแนวคิดดังกล่าวถือเป็นต้นแบบของแนวคิดประชาธิปไตยเสรีทั่วโลก รวมทั้งเป็นผู้ที่ทำให้คำว่า “เจ้าขุนมูลนาย” ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย
ผลงานที่โดดเด่นของหนังสือที่ชื่อ “The Spirits of the Laws”
พูดกันง่ายๆว่าเป็นทฤษฎีประชาธิปไตยที่ต้องมีการคานอำนาจ 3 ฝ่าย คือ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ ที่แยกขาดการกันเพื่อให้เกิดความสมดุล
เป็นเบาะแสอย่างหนึ่งที่นายทักษิณได้บอกกล่าวอีกครั้งหลังเก็บตัวเงียบมานาน แต่พอน้องสาวล่องหนก็เลยหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาตอบโต้ตามฟอร์มเดิมอย่างที่เคยกระทำมาตลอด
เพียงแต่ครั้งนี้ยกทฤษฎีขึ้นมากล่าวถึงเท่านั้น ไม่ได้มุ่งโจมตีในลักษณะองค์กรศาลโดยตรง ตัวบุคคล หรือ คสช.
แต่ได้ชี้ให้เห็นว่าการปกครองในระบอบอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของ คสช. ในประเทศไทยนั้น ก็จะเกิดปัญหาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมผ่านทางกระบวนการยุติธรรม
เป็นการสร้างภาพให้ผู้คนได้เห็นและรู้สึกอย่างนั้น แต่เป็นการพูดความจริงไม่หมดเพราะคำพิพากษาที่ออกมานั้นคือประเด็นสำคัญ
เป็นการดำเนินการในโครงการรับจำนำข้าว เป็นเรื่องของการทุจริตและสร้างความเสียหายด้วยวงเงินมหาศาล 5 แสนล้านบาท ซึ่งจะต้องแสดงความรับผิดชอบ
ทั้งผู้กระทำในฐานะรับผิดชอบโครงการและผู้บริหารสูงสุดของประเทศ.