นายกฯ แจงทัพเรือซื้อขีปนาวุธพื้น-สู่-พื้น RGM-84L ฮาร์พูน บล็อก ทูว์ เป็นของเดิม ไม่ได้ใช้งบกลางเพิ่มเติม ย้ำจ่ายทุกอย่างเป็นไปตามความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพ ยันไม่ต้องการไปรบกับใคร...
เมื่อวันที่ 15 ส.ค.60 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่กองทัพเรือยอมรับว่า ซื้อขีปนาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-พื้น แบบ RGM-84L ฮาร์พูน บล็อก ทูว์ จากสหรัฐอเมริกา เพื่อติดตั้งบนเรือฟริเกตว่า เป็นโครงการที่อยู่ในงบประมาณประจำปีอยู่แล้ว ไม่ได้มาเพิ่มเติมในงบกลางแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่เราให้เขาต่อเรือฟริเกต เพราะมีความจำเป็นในการดูแลอธิปไตยของประเทศ ซึ่งเรือเก่าของเราก็เก่ามากแล้ว ก็ต้องทยอยต่อไปเรื่อยๆ เท่าที่เรามีงบประมาณและตามความจำเป็น ทั้งนี้งบประมาณสำหรับการต่อเรื่องฟริเกต รวมถึงระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วย วันแรกที่ตนปฏิเสธบอกว่าไม่รู้ว่ามีการซื้อนั้น เพราะโครงการมันอยู่ในเรื่องเดิมอยู่แล้ว ตนก็จำไม่ได้ เป็นการซื้อตามระบบของกองทัพเรืออยู่แล้ว ถ้ามีเรือแล้วไม่มีอาวุธแล้วจะต่อเรือกันไปทำไม ตนก็ไม่เข้าใจทั้งหมดก็จำเป็นต้องมียุทโธปกรณ์ติดเรือ และไม่ได้ใช้งบประมาณเพิ่มเป็นงบของกระทรวงกลาโหมในส่วนของกองทัพเรืออยู่แล้ว
"ขอเรียนว่าที่หลายคนออกมาพูดในส่วนของงบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่เพิ่มขึ้นถึง 2.2 แสนล้านบาทนั้น ก็เป็นการเพิ่มขึ้นมาตามลำดับของแต่ละปี ซึ่งทุกกระทรวงก็เพิ่มมาแบบนี้สัดส่วนก็มีอยู่ ซึ่งไม่เกินสัดส่วนของงบประมาณทั้งหมดของประเทศ ในความเป็นจริงก็น้อยกว่าสัดส่วนจริงๆ ด้วยซ้ำ เพราะเราเห็นถึงความจำเป็นในภาคส่วนอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นงบประมาณส่วนใหญ่อยู่แล้ว รวมทั้งเรื่องของการศึกษา รัฐสวัสดิการ การดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับทุกเรื่อง ขณะเดียวกันก็จะไปทิ้งเรื่องของความมั่นคงไม่ได้ เพราะความมั่นคงเป็นบ่อเกิดของความมีเสถียรภาพในภูมิภาคของเรา เพียงแต่เราต้องมีไว้บ้างถ้าไม่มีแล้วอนาคตจะอยู่อย่างไร ไม่ได้หมายความเราจะต้องไปรบกับใคร ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะซื้ออาวุธเพื่อไปรบ เราซื้อไว้เพื่อคุ้มครองทรัพยากรทางบก ทางทะเลของเรา" นายกรัฐมนตรี กล่าว
...
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ยังมีความจำเป็นอยู่ทุกคนก็เห็นว่ารอบบ้านเราก็ยังมีปัญหาอยู่ อย่างเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังมีปัญหาเราก็ต้องเตรียมการไว้ ส่วนงบประมาณที่สูงขึ้น เพราะว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการจัดซื้อทุกๆ รัฐบาลที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยให้ความสนใจ ทำให้เกิดความชำรุดผุพังใช้ไม่ได้ ทำให้ต้องเสียงบประมาณในการซ่อมแซมจำนวนมาก จึงทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องจัดหามาบ้างเท่าที่จำเป็นและทำได้ ก็ยอมรับว่าในยามปกติอย่างเช่นรถถังก็ใช้อะไรไม่ได้ แต่พวกอากาศยานเราก็นำมาใช้ในการช่วยเหลือป้องกันภัยพิบัติต่างๆ ในการดูแลประชาชน ส่วนหนึ่งเราก็มีไว้เพื่อป้องกันตัวเอง ต้องมีการฝึกรบร่วมกับประเทศต่างๆ แต่ถ้าเรามียุทโธปกรณ์ที่สับปะรังเค ไปฝึกกับคนอื่นเขาจะตามเขาทันหรือไม่ ขอให้คิดแบบนี้บ้าง