รัฐบาล คสช.บริหารราชการมาแล้ว 3 ปี มีดาบอาญาสิทธิ์ ม.44 สั่งการทุกอย่างได้รวดเร็วทันใจ
โดยไม่มีฝ่ายค้านจ้องเตะสกัดให้อึดอัดหาวเรอ
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า แม้ รัฐบาล คสช.จะมีอำนาจครอบจักรวาล มีข้าราชการทหารตำรวจพลเรือน พร้อม กระเด้งรับคำสั่งตลอด 24 ชั่วโมง
แต่ถึงกระนั้น การแก้ปัญหาหลายด้านยังล่าช้า ไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
ตัวอย่างสำคัญคือ การแก้ปัญหาน้ำของรัฐบาล
ผ่านไป 3 ปี แผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำทั้งระบบครบวงจร ซึ่งแบ่งเป็นแผนระยะสั้น (2557 ถึง 2560) แผนระยะกลาง (2561 ถึง 2564) และแผนระยะยาว (2565 ถึง 2569)
ยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์
การแก้ปัญหาน้ำช่วง 3 ปีแรก จึงเป็นลักษณะต่างคนต่างทำ ไม่ประสานแผนแก้ปัญหาแบบบูรณาการให้สอดคล้องสภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า วิบัติภัยน้ำท่วมใหญ่ภาคอีสานครั้งล่าสุด จึงมีข้อบกพร่องต้องแก้ไขปรับปรุงมากมาย
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องตัดสินใจดึงการแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบมาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
ใช้อำนาจพิเศษ ม.44 สั่งย้ายกรมทรัพยากรน้ำ ซึ่งอยู่ในกำกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ โอนไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็น “ศูนย์บัญชาการแก้ปัญหาน้ำครบวงจร”
เท่ากับ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้รับผิดชอบการแก้ปัญหาน้ำเต็มตัว
“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่ พล.อ.ประยุทธ์ รับหน้าเสื่อแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบด้วยตัวเอง
เพราะปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง มีผลกระทบถึงประชาชนจำนวนมาก และเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
รัฐบาลเอง ยังต้องแบกภาระรายจ่ายช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีกก้อนโต
ดังนั้น ถ้าหัวหน้ารัฐบาลกำกับดูแลแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำทั้งระบบครบวงจร จะช่วยป้องกันความเดือดร้อนของประชาชน และลดความเสียหายทางเศรษฐกิจได้อีกบานตะไท
...
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่าแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องใช้งบลงทุนก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ๆเพิ่มเติม
ไม่ใช่แค่การขุดลอกคูคลอง การสร้างแหล่งเก็บน้ำขนาดเล็กๆ อย่างที่ทำกันซ้ำๆทุกปีๆ
รัฐบาลควรใช้อำนาจพิเศษที่มีอยู่ในมือ เดินหน้าโครงการลงทุนแก้ปัญหาน้ำขนาดใหญ่ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
เพราะหากรอให้รัฐบาลปกติ (ไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ) ดำเนินการ
ไม่สำเร็จแน่นอน!!
อนึ่ง การโอนกรมทรัพยากรน้ำไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี แม้ช่วยให้การแก้ปัญหาน้ำเกิดประสิทธิภาพขึ้นก็จริง
แต่...ถ้าหวังให้เกิดผลสำเร็จอย่างยั่งยืน
“แม่ลูกจันทร์” กระชุ่นท่านนายกฯ จัดตั้ง “กระทรวงน้ำแห่งชาติ” เพื่อโอนย้ายหน่วยงานเกี่ยวกับน้ำทั้ง 30 หน่วย ที่แยกกระจายอยู่ใน 10 กระทรวง ให้เข้ามาอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน
และให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำกับดูแลโดยตรง
ถ้าจะแก้ปัญหาน้ำแบบบูรณาการ ต้องแก้แบบนี้ทีเดียวจบเลย.
“แม่ลูกจันทร์”