‘มาร์ค’แนะคสช.ปลดล็อกบ้าง
“บิ๊กตู่” ย้ำยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง ขอรอฟัง “บิ๊กป้อม” ที่ดูความมั่นคงและประเมินสถานการณ์ทุกสัปดาห์ ไม่ห้ามมวลชนมาเชียร์ “ปู” แต่ อย่าละเมิด ก.ม. ข้องใจเตรียมเค้นถามมาเองหรือจัดตั้งยัน “พีซทีวี” ถูกปิดไม่เกี่ยวปลุกระดมคน มท.1 จับตา อปท.เล่นแร่แปรงบขนคนมาศาล “บิ๊กป้อม” สั่งลุยตรวจสอบ ระบุปิด “พีซทีวี” เนื้อหาเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง “มาร์ค” แนะ คสช.พบกันครึ่งทางปลดล็อกบางส่วน เพื่อปรับระบบพรรครับกติกาใหม่ ยันคนหนุนใช้ชื่อ-โลโก้ ไม่เอาแยกเบอร์รายเขต พท.จี้ “มีชัย” ฟังเสียงทักท้วง อย่ายึดอีโก้ พรรคเล็กผนึกกำลัง 19 พรรคฝันล้มช้าง ทาบ “อุทัย” แคนดิเดตนายกฯ นายกฯชงไอเดียผสมผสานประยุกต์การศึกษา อารมณ์สุนทรีย์สวมบทกวีร่ายกลอน 3 บท “บิ๊กกุ้ย” ไม่กดดัน พธม.บีบยื่นอุทธรณ์คดีสลายชุมนุม รับมีจุดอ่อนสนิท “วงษ์สุวรรณ” “วิษณุ” เผยเตรียมชง ก.ม.ตามยึดทรัพย์ถึงต่างแดน
หลังจากที่ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ทยอยผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำให้เริ่มมีความเคลื่อนไหวจากพรรคการเมืองอีกครั้ง เรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม เพื่อเตรียมพร้อมปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกมาระบุว่าสถานการณ์ยังไม่สงบ อีกทั้งมีเรื่องคดีความที่ยังพิจารณาไม่จบ จึงไม่สามารถปลดล็อกได้ในขณะนี้นั้น
“บิ๊กตู่” ลั่นยังไม่ปลดล็อกการเมือง
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอให้พิจารณาผ่อนคลายให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง หลังจากที่ส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองให้นายกฯพิจารณาแล้วว่า ยังจะฟังข้อเสนอจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะดูแลงานด้านความมั่นคง ที่มีการสรุปสถานการณ์ด้านการข่าวทุกสัปดาห์ และได้มีการประเมินสถานการณ์ไปแล้ว วันนี้ได้บอกแล้วว่าอะไรก็ตามตนขอ งานพระราชพิธีเสร็จหรือยัง อย่าให้มันวุ่นวายนักเลย
...
ไม่ห้ามเชียร์ “ปู” แต่ขออย่าผิด ก.ม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า การข่าวสรุปสถานการณ์อย่างไรในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า มันก็เป็นแบบเดิม คนไม่ดีก็มีไม่ดีอยู่เหมือนเดิม อันนี้ไม่ให้เครดิตอยู่แล้ว แต่จะวุ่นวายไม่ได้ เมื่อถามว่า ใกล้จะถึงวันตัดสินคดีโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ฝ่ายความมั่นคงพบความเคลื่อนไหวอย่างไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “แล้วไง จะเคลื่อนอะไรก็เคลื่อนไปเถอะ ผมไม่ได้ห้ามอยู่แล้ว แต่อย่าทำผิดกฎหมาย มีกฎหมายเยอะแยะ กฎหมายลูกก็ต้องเรียนรู้ไว้ ไม่ใช่อ้างรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว มีสิทธิชุมนุม มีสิทธิทำอะไรได้ทางการเมืองก็อ้างกันอยู่นั่นแหละ แล้วกฎหมายอื่นไม่สนใจกันเลยหรืออย่างไร ทะเลาะกันอยู่กับเรื่องรัฐธรรมนูญอยู่นั่นแหละ”
เตรียมเค้นถามมวลชนใครเกณฑ์มา
เมื่อถามอีกว่า การข่าวได้รายงานหรือไม่ว่าการเคลื่อนไหวนั้นเป็นแบบธรรมชาติหรือมีผู้ชักนำ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “คนรักคนชอบก็มี บอกอย่างเดียวว่าอย่าทำผิดกฎหมาย อย่าละเมิดศาล หรือทำให้เกิดความวุ่นวาย ไปละเมิดสิทธิประชาชนคน ทั้งถนนหนทางทำให้รถติดขัด อยากไปก็ไปเถอะ แต่อย่าให้มีการจ้างวาน เดี๋ยวผมจะถามคนที่มา รู้เรื่องไหมว่ามาด้วยอะไร ผมจะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงถามดูว่ามายังไง รวมกันมาหรือเปล่า หรือมาด้วยตัวเอง หรือใครไปเกณฑ์ให้มา ต้องถามกัน รถลาม้าช้างมากันอย่างไร วันนี้มีหลายอย่างที่เป็นข้อกำหนดอยู่ อย่าอ้างสิทธิ แต่ไม่รู้จักหน้าที่คงไม่ได้ อย่าอ้างรัฐธรรมนูญมาตราเดียวไม่ได้ กฎหมายหนึ่งมาตรามีพ่วงอีกสิบยี่สิบฉบับต้องไปดู”
เมิน “ยิ่งลักษณ์” โพสต์อ้อนกองเชียร์
เมื่อถามว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เคลื่อนไหวบนเฟซบุ๊กถือเป็นการปลุกระดมด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เคลื่อนไหวอะไรเป็นเรื่องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้วจะไปห้ามอะไร ท่านเป็นคนไทย ส่วนจะมองเป็นการปลุกระดมหรือไม่ก็อยู่ที่คน ถ้าคิดว่าปลุกระดมก็คือปลุกระดม ถ้าไม่คิดอย่างนั้นก็คือไม่ปลุกระดม ตนไม่ได้คิดอะไรสักอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์มีสิทธิ์เดินทางไปไหนได้ก็ไป ตนไม่ยุ่งเกี่ยว เป็นเรื่องคดีความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทุกคนต้องเข้าใจและเคารพกฎหมายก็แค่นั้น อย่าจุดประเด็นอะไรขึ้นมาอีกเลยให้ศาลเขาตัดสิน
ยันปิด “พีซทีวี” ไม่เกี่ยวปลุกเชียร์ “ปู”
เมื่อถามถึงกรณีคณะกรรมการกิจการกระจาย เสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติสั่งพักใช้ใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีซทีวีเป็นเวลา 30 วัน โดยระบุเหตุมีบางรายการเสนอเนื้อหาโยงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิพากษาตัดสินคดีโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่เกี่ยว เป็นการทำผิดในหลักเกณฑ์ของ กสทช. จะไปเกี่ยวอะไรกับวันที่ 25 ส.ค. ถ้าจะปิดเพราะเกี่ยวกับวันที่ 25 ส.ค. ต้องปิดสื่อทั้งหมด นักข่าวตกงานกันหมดจะได้หยุด ไม่ต้องมาถามตน กฎหมายมีอยู่ หน่วยงานทำตามหน้าที่จะมาเกี่ยวกับการเมืองทุกเรื่องเลยหรือ ตนต้องไปสั่งทุกเรื่องเลยหรือ ตนให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด กฎหมายมีก็ไปทำถ้าไม่ทำก็ละเว้น

“บิ๊กป๊อก” คุมเข้ม อปท.ขนคนมาศาล
ที่สโมสรทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งหนังสือขอให้ตรวจสอบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ เพราะได้รับข้อมูลว่า อปท.จำนวนหนึ่งมีเจตนาแอบแฝงในการใช้งบประมาณเพื่อนำคนมาร่วมกิจกรรมทางการเมืองในงบศึกษาดูงาน ว่า กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลเรื่องดังกล่าว หากข้าราชการจะเดินทางไปต่างจังหวัด ผวจ.และนายอำเภอจะต้องดูว่าตรงตามระเบียบหรือไม่ หากมีประเด็นแอบแฝง ผวจ.และนายอำเภอ ก็ต้องดำเนินการไปตามระเบียบ ส่วนเรื่องให้กำลังใจที่หน้าศาลนั้น เห็นว่าศาลเป็นผู้ดูแลเรื่องความยุติธรรมอยู่แล้วไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ไม่มีใครไปให้กำลังใจแล้วเกิดผลอะไร หรือมีประโยชน์อะไร แต่จะเป็นการสร้างภาระให้กับตัวเองมากกว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาลดีกว่า เมื่อถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการขนมวลชนหรือการปลุกระดมมวลชนหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา ทั้งนี้ หากข้าราชการจะมาราชการก็จะต้องดูให้ถูกต้องตามระเบียบ แต่ถ้าใครจะมาเองก็ต้องไม่ให้เป็นภาระแก่ตัวเอง
“บิ๊กป้อม” ลั่นเรื่องนี้ต้องสอบสวน
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือถึงกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย ให้มีการตรวจสอบการใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่อาจนำไปใช้ผิดประเภท โดยเฉพาะการนำไปสนับสนุนให้มวลชนมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาแถลงปิดคดีในโครงการรับจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองว่า ยังไม่ได้รับรายงานและยังไม่ได้รับหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ได้ยินเขาว่ากันมีการนำเอาคนมาทำโน่นทำนี่ มาสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องตรวจสอบ เมื่อถามว่า จะมีมาตรการดูแลอย่างไร พล.อ.ประวิตรตอบว่า ดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง ไม่ได้เพิ่มมาตรการอะไรเป็นพิเศษ บริเวณหน้าศาลฎีกาฯ ถือเป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องพูดคุยกับตำรวจอยู่แล้วในการดูแลป้องกัน

ปิด “พีซทีวี” เนื้อหาล้มการปกครอง
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณี กสทช.มีมติสั่งพักใช้ใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีซทีวีเป็นเวลา 30 วันว่า เนื้อหาบางรายการเข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่งผลกระทบต่อความ มั่นคง เจ้าหน้าที่เขาทำไปตามกฎเกณฑ์ โดยประเมินจากการกล่าวโจมตี
ต่อข้อถามถึงกรณีที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราถูกแจ้งจับในข้อหาบุกรุก หลังไปรอทำข่าวที่หน้าหอพักที่ระบุว่าเป็นของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่รู้เรื่องว่าโดนจับเรื่องอะไร ไม่มีปัญหา ว่ากันไปตามกฎหมาย กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น แต่ยังไม่รู้เรื่องเลย
“วัฒนา” เข้า บก.ปอท.รับทราบข้อหา
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. โดยนายวัฒนากล่าวว่า มารับทราบข้อกล่าวหาความผิดฐานนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ รวมถึงการโพสต์ข้อความเข้าข่ายดูหมิ่นศาล หลังพบพนักงานสอบสวนและลงบันทึกประจำวันเพิ่มเติมเสร็จ เจ้าหน้าที่บอกจะนำตัวส่งฟ้องศาล ตนชี้แจงกลับไปว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายเพราะอำนาจการควบคุมตัวส่งฟ้องศาลหมดไปตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.แล้ว หากจะควบคุมตัวไปส่งศาลจริงๆ จะร้องคัดค้านฝากขัง และจะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทุกนายที่เกี่ยวข้อง สุดท้ายพนักงานสอบสวน บก.ปอท.ปล่อยตัวออกมาโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ตนมองว่าการพยายามควบคุมตัวตนนั้น เพื่อสร้างความหวาดกลัว มีเจตนาไม่ต้องการให้แสดงความเห็นตามช่องทางต่างๆ โดยคาดว่าจะเชื่อมโยงกับวันที่ 25 ส.ค. ที่จะตัดสินคดีจำนำข้าว
ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ
“อภิสิทธิ์” แนะปลดล็อกบางส่วน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาล คสช. ยืนยันยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ว่า ที่ฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. พออ่านความคิดได้ว่าการไม่ปลดล็อกน่าจะผูกพันกับไม่ต้องการมีความเสี่ยงใดๆ ก่อนมีพระราชพิธีสำคัญ จึงไม่คิดว่าจะปลดล็อกก่อนมีพระราชพิธีสำคัญ เพียงแต่ว่าที่เขาจะต้องแก้โจทย์บ้าง คือถ้ากฎหมายพรรคการเมืองประกาศใช้ ในกฎหมายจะบังคับพรรคการเมืองว่า ภายในกี่วันๆต้องทำอะไรบ้าง ตามขั้นตอนต่างๆ ซึ่งจำเป็นจะต้องประชุมพรรค ถ้ากฎหมายประกาศใช้แล้วมีผลบังคับแต่คำสั่ง คสช.ยังอยู่ ซึ่งตนเคยเสนอทางออกไปแล้วว่าทำไมไม่ปลดเท่าที่จำเป็นก่อนก็ได้ เพราะทุกคนก็อยากรักษาบรรยากาศบ้านเมืองก่อนพระราชพิธีสำคัญๆนี้ ก็ปลดล็อกเฉพาะว่าให้พรรคการเมืองสามารถทำตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนด คือจะต้องประชุมเพื่อแก้ข้อบังคับพรรคให้สอดคล้องกับกฎหมายก็ทำกันไป แต่ไม่ใช่ไปเปิดเวทีปราศรัย หรือปลุกระดม

เผยสุ่มสำรวจคนหนุนใช้ชื่อ-โลโก้
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กำหนดระบบแยกเบอร์รายเขตผู้สมัคร ส.ส.ว่า จะกำหนดออกมาอย่างไรก็คงปฏิบัติได้ แต่ตนเปิดให้ประชาชนแสดงความเห็นเรื่องนี้ในกลุ่มไลน์มีคนอยู่ประมาณ 6,000 คน ปรากฏค่อนข้างชัดว่าไม่มีเบอร์เลยกับเบอร์เดียวกันยังสูสีอยู่ แต่ว่าไม่มีเบอร์เลยมากสุด แต่คะแนนทิ้งห่างจากแบบต่างเขตต่างเบอร์ ขอย้ำว่าเป็นการสำรวจทางอินเตอร์เน็ต ไม่ใช่โพล เหตุผลที่ไม่ใช่โพลเพราะไม่ใช่เป็นการสุ่มตัวอย่างแบบที่จะมีโอกาสไปพบคนทั่วๆ ไปโดยเท่าเทียมกัน แต่เป็นกลุ่มคน เฉพาะคนที่อยากตอบจึงไม่ใช่ตัวแทนของคนทั้งหมด นี่จึงไม่ถือเป็นการสำรวจทางวิทยาศาสตร์
ปชป.เตือน “บิ๊กป้อม” อย่าหลงอำนาจ
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม บอกว่าเอาไว้สบายใจแล้วค่อยปลดล็อกคำสั่ง คสช.ให้พรรคการเมืองประชุมได้ว่า การที่คนอย่าง พล.อ.ประวิตรที่ดูแลเรื่องความมั่นคงบอกเหมือนว่าประเทศนี้ขึ้นอยู่กับเขาคนเดียวตัดสินใจ อยู่ที่ความสบายใจตนเองนั้นไม่ถูก เรื่องของพรรคการเมืองถือเป็นเรื่องบ้านเมืองเช่นกัน การจะปลดล็อกคำสั่ง คสช.แม้คนพูดจะมีอำนาจรับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ แต่ผู้มีอำนาจต้องพิจารณาจากเหตุผล หลักการบริหารประเทศและผลประโยชน์ชาติ ถ้าพูดว่ายังปลดล็อกไม่ได้เพราะอาจเกิดความไม่สงบในช่วงพระราชพิธีสำคัญจะไม่มีใครว่า เพราะนี่เป็นคำตอบที่มีเหตุผลรับฟังได้ จึงอยากส่งข้อความดึงสติ พล.อ.ประวิตรกลับคืนมาว่า อย่าหลงในอำนาจ อยากให้ข้อคิดท่าน รมว.กลาโหมว่า ก่อนหน้านี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีอำนาจมากกว่านี้ แต่กลับหลงใหลในอำนาจ ทำผิดกฎหมาย ทำร้ายประเทศยังไม่มีแผ่นดินอยู่เลย
พท.วอน “มีชัย” อย่ายึดอัตตาเกินเหตุ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ไม่ให้ ผู้สมัคร ส.ส.ใช้เบอร์เดียวกันทุกเขต โดยอ้างว่าป้องกันการซื้อเสียงได้ว่า การเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ควรจะฟังเสียงทักท้วง เพราะจะเห็นว่าทุกพรรคไม่เห็นด้วยทั้งนั้น สะท้อนว่าแนวคิดของ กรธ.น่าจะมีปัญหายึดอัตตามากเกินไป เพราะทั้งนักวิชาการหรือทฤษฎีทางการเมืองของโลกยังไม่เห็นว่าจะไปเกี่ยวกับการป้องกันซื้อเสียงอย่างไร แถมจะเป็นการเพิ่มความยุ่งยากของประชาชนโดยใช่เหตุ วันนี้ท่านต้องมั่นใจว่ากฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้งที่ผู้มีพลังทั้งหลายอุตส่าห์เขียนออกมาสามารถป้องกันการซื้อเสียงได้ และตนเห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดจะมีประสิทธิผลมากกว่าการไม่ให้ใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศ

“สมชัย” ค้าน กรธ. 5 ประเด็นสร้างปัญหา
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ประเด็นที่ตนเห็นต่างจาก กรธ. 5 ประเด็น คือ 1.การใช้หมายเลขผู้สมัครแตกต่างกันในแต่ละเขตประชาชนจะสับสน พรรค การเมืองหาเสียงลำบากและแก้ปัญหาการซื้อเสียงไม่ได้ 2.การเพิ่มผู้มีสิทธิลงคะแนนจาก 800 คนเป็น 1,000 คนต่อหน่วยเลือกตั้ง อาจทำให้แออัดในการใช้สิทธิ 3.การกำหนดว่าไม่ควรใช้เขตหมู่บ้านเป็นข้อจำกัดต่อการแบ่งเขตเลือกตั้งจะยิ่งสร้างความสับสนแก่ประชาชนว่าตนอยู่เขตเลือกตั้งใด 4.การเปิดโอกาสให้ใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกกว่าการใช้บัตรในการเลือกตั้งคราวเดียว 5.การปิดประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหน้าหน่วยโดยไม่ให้ใส่หมายเลขประจำตัว 13 หลัก เพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ควรใส่หมายเลขประจำตัวแต่อาจปิดบางหลักแต่ยังตรวจสอบได้ในภายหลัง
ทาบ “อุทัย” นำกลุ่มมดแดงล้มช้าง
ที่รัฐสภา กลุ่มปฏิรูปการเมืองยุคใหม่ 19 พรรค นำโดยนายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ยื่นหนังสือถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. สนับสนุนหลักการสำคัญในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. นายสุรทินกล่าวว่า พวกเรา 19 พรรคได้หารือกันเห็นพ้องให้สมาชิกแต่ละพรรคไปร่วมลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งถัดไปในนามพรรคประชาธิปไตยใหม่ เพื่อให้พรรคมีตัวแทนลงสมัครครบทั้ง 350 เขต และแบบบัญชีรายชื่อ 150 คน แต่ไม่ใช่ในลักษณะการควบรวม แต่มีลักษณะเหมือนรวมกลุ่มมดแดงเพื่อล้มช้างในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยจะเสนอชื่อตนเป็นหัวหน้าพรรค และเป็นหนึ่งใน 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ และอยู่ระหว่างทาบทามนายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานสภาฯอีกหนึ่งคน ยืนยันว่านายกฯต้องมาจากเลือกตั้ง ไม่สนับสนุนทหาร
“วิษณุ” ชิ่งหนีศึกงัดข้อ กรธ.–กกต.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงข้อถกเถียงร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ระหว่าง กกต. และ กรธ. ในการแยกเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.เป็นรายเขตเลือกตั้ง ที่ไม่ใช่เบอร์เดียวกันทั้งพรรคแล้วว่า ไม่มีความเห็นเรื่องนี้ ให้เขาไปทะเลาะกันเอง อย่าให้ตนเข้าไปเป็นฝ่ายที่สามเลย เมื่อถามว่า ระบบนี้คิดว่าจะทำให้มีปัญหาหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของกรธ.ที่ทำกฎหมาย รัฐบาลไปยุ่งอะไรไม่ได้เลย ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามไม่ยุ่ง นอกจากถามมา กกต.ก็ต้องปกป้องวิธีการหรือความสะดวกในการจัดการเลือกตั้งที่เขามีประสบการณ์ ดังนั้น เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจและผู้มีหน้าที่เท่านั้น รัฐบาลไม่ควรไปพูดอะไร สำหรับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เมื่อประกาศใช้แล้ว พรรค การเมืองจะสามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้หรือไม่ ตนว่าเป็นคนละเรื่องกัน ที่ต้องค่อยๆไปว่ากัน เรื่องนี้ต้องถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ตนตอบไม่ได้ อยากรู้เหมือนกัน ผู้สื่อข่าวรู้แล้วมาบอกด้วย
นายกฯแนะประยุกต์การศึกษา
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ นำคณะผู้แทนประเทศไทยที่เดินทางกลับจากการแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศประจำปี พ.ศ.2560 เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า การศึกษาไทยวันนี้ยืนยันว่าไม่ได้ล้มเหลว เพียงแต่ต้องผลิตคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศ ส่วนใหญ่มุ่งแต่เรื่องวิชาการโดยไม่ได้สอนเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะที่ต้องทำงานร่วมกัน หลักสูตรจะต้องเน้นการอยู่ร่วมกัน การเคารพกฎหมาย มีคุณธรรมศีลธรรม มีความประนีประนอมในการทำงานสิ่งดีๆด้วยกัน ทุกคนจะต้องตั้งความหวังของตัวเอง ไม่ใช่อยู่หรือเรียนไปวันๆ และขอร้องคนไทยอย่าทิ้งวัฒนธรรม ประเพณี และอัตลักษณ์ แล้วไปเอาของต่างประเทศในส่วนที่สบายๆมาใช้ แต่อะไรที่ลำบากกลับไม่เอามา บ้านเราที่วุ่นวายเพราะเราทุกคนถือกฎหมายคนละฉบับ ดังนั้นประชาชนต้องเรียนรู้กฎหมายทุกฉบับ การใช้สิทธิต้องคำนึงถึงหน้าที่และสิทธิของคนอื่นด้วย อย่าไปละเมิดจนทำให้คนอื่นเดือดร้อน ตนไม่ต้องการที่จะให้ทุกคนมารัก จะเกลียดก็ได้ แต่อย่าเกลียดประเทศ ทุกคนมีหน้าที่ทั้งต่อประเทศและโลก เราต้องเลือกนำสิ่งที่ดีเข้ามาประยุกต์ให้เข้ากับประเทศไทย เช่นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงรับสั่งไว้ว่าการพัฒนาแบบตะวันตกรวดเร็วแต่ไม่ยั่งยืน สร้างผลกระทบมาก การพัฒนาแบบตะวันออกค่อนข้างช้าแต่ยั่งยืน เราจึงต้องนำทั้ง 2 อย่างมาผสมกัน สิ่งที่เราต้องการวันนี้คือ
ทั้งคนเก่งและคนดีในสังคมเพื่อพัฒนาประเทศ
ใช้ นร.เหรียญทองเป็นต้นแบบ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่นักเรียนไปแข่งขันโอลิมปิกโลกได้รางวัลมาจำนวนมาก ตนก็ได้ให้กำลังใจและขอบคุณคณาจารย์ ประธานคณะทำงานในเรื่องการขับเคลื่อน ซึ่งตรงกับ ยุทธศาสตร์ชาติในเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และได้ฝาก นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว. ศึกษาธิการ ให้นำกลุ่มคนเหล่านี้ไปร่วมทำจิตอาสาเรื่องการแนะนำวิธีการศึกษาเล่าเรียนว่าทำอย่างไรถึงจะได้เกรด 3.9-4.00 ที่ทำอย่างไรถึงได้รางวัลทางวิทยาศาสตร์ในเหรียญต่างๆ คนไทยไม่ได้ด้อยกว่าคนอื่นเลย เพียงแต่ทำอย่างไรจะกระจายความรู้เหล่านี้ไปโรงเรียนอื่นให้ทั่วถึง
หวังจับเข่าคุย “ปูติน” ร่วมทุนอีอีซี
ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เนื่องในโอกาสเดินทางเยือนไทย ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนรัสเซียเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรม S-Curve และในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงให้รัสเซียจัดตั้งศูนย์ซ่อมอากาศยานในประเทศไทย พร้อมขอให้สนับสนุนอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนไทยในรัสเซียและในภูมิภาคตะวันออกไกล นอกจากนี้ ยังขอบคุณรัสเซียที่สนับสนุนการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) ส่วนในช่วงการประชุม BRICS Summit ครั้งที่ 9 ที่เมืองเซียะเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ในเดือน ก.ย.นี้ หวังว่าจะได้มีโอกาสพบปะหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ด้วย ขณะที่ รมว.ต่างประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย แจ้งว่า ยินดีให้สิทธิประโยชน์แก่ภาคเอกชนไทยที่ไปลงทุนในรัสเซีย เห็นว่าไทยมีบทบาทสำคัญต่อภูมิภาคอาเซียน ยินดีเพิ่มพูนปฏิสัมพันธ์กันในทุกด้าน
“สุนทรตู่” ร่าย 3 กลอนสะท้อนปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เว็บไซต์รัฐบาลไทย thaigov.go.th ได้นำบทกลอนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. รวม 3 หัวข้อ ได้แก่ “คสช.เพื่อประชาชน” มีใจความดังนี้ “ไม่เคยรู้ไม่เคยคิดก็ต้องคิด อะไรผิดอะไรถูก ต้องค้นหา ทำเพื่อชาติแผ่นดินถิ่นเนาว์มา เพื่อวันหน้ายั่งยืนอย่างมั่นคง มาวันนี้ทำได้ไปส่วนหนึ่ง ต้องหวังพึ่งคนไทยอย่าไหลหลง ใจทะนง องอาจชาติดำรง แม้ปลิดปลงไว้ลายว่าชายชาญ ไม่อยากให้สิ่งผิดผิดกลับย้อนใหม่ ไม่ว่าใครผิดกฎหมายอย่าได้หาญ รวมไทยสู้ยืนหยัดด้วยหลักการ พ้นภัยพาลถ้วนทั่วทุกตัวคน” อีกหัวข้อคือ “ร่วมใจประชารัฐ” ความว่า “อุทกภัยภัยแล้งคนไทยทุกข์ เป็นทุกยุคทุกสมัยให้ยากเข็ญ เพียงประทังเดือดร้อนผ่อนลำเค็ญ ต้องมุ่งเน้นแก้ไขให้ประชา รัฐบาล คสช.ขอทำใหม่ ไทยช่วยไทยประชารัฐขจัดปัญหา ปรับระบบเปลี่ยนวิธีร่วมนำพา แก้ปัญหายั่งยืนฟื้นจิตใจ หากแก้ไขเล็กน้อยทีละนิด เหมือนสะกิดแผลสะเก็ดให้เลือดไหลต้องร่วมแผนรวมพลังผลักดันไป เลือดหยุดไหลผลสำเร็จเสร็จยั่งยืน” ส่วนหัวข้อ “น้ำเพื่อชีวิต” ใจความว่า “หากให้รัฐทำฝ่ายเดียวไม่ถึงไหน คนส่วนใหญ่รับประโยชน์มีได้เสีย เสียส่วนน้อยเพื่อส่วนใหญ่ไม่อ่อนเพลีย ละห้อยเหี่ยคอยหายไม่ทันการณ์ ระบบกักเก็บส่งน้ำระบายน้ำ ล้วนกลืนกล้ำเสียหายไม่ทั่วถึง มาวันนี้ทุกพื้นที่ควรคำนึง ไปให้ถึงทุกเส้นทางอย่างร่วมมืออย่าขัดแย้งขัดขวางสร้างปัญหา ใช้ปัญญาแก้ไขไม่เสียหาย ไทยพ้นทุกข์เหนื่อยยากลำบากกาย ก่อนจะสายประชารัฐร่วมแบ่งปัน”

ชง ครม.ตั้งกรรมการปฏิรูป 15 ส.ค.
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ที่ห้องทำงาน ตึกไทยคู่ฟ้า เป็นเวลา 30 นาที จากนั้นนายวิษณุเปิดเผยภายหลังเข้าพบนายกฯว่า เป็นการหารือถึงรายชื่อผู้ที่จะมาเป็นคณะกรรมการปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน ตาม พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ ที่กำหนดต้องให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน หลัง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ซึ่งได้ส่งรายชื่อให้นายกฯพิจารณาไปก่อนหน้านี้แล้วส่วนหนึ่ง และวันเดียวกันนี้ได้เสนอรายชื่อเพิ่มอีก โดยหลังจากนายกฯพิจารณารายชื่อแล้วเสร็จ จะนำเข้าแจ้งต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ส.ค.นี้ เพื่อรับทราบ และจะประกาศรายชื่อให้ทราบภายในวันนั้นเลย ในส่วนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ตาม พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาตินั้น จะจัดตั้งแล้วเสร็จสิ้นเดือน ส.ค.นี้ จะเป็นซุปเปอร์บอร์ด แต่ไม่สำคัญเท่ากับกรรมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติที่จะไปยกร่างทั้ง 6 ด้าน ซึ่งมีเวลาถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้
นายกฯเซ็นตั้ง กก.ปฏิรูปไทยแลนด์ 4.0
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศมีประสิทธิภาพและเกิดผลรูปธรรม โดยเฉพาะการปฏิรูประบบการ บริหารราชการ ตลอดจนผลักดันแผนงานโครงการเพื่อเป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยมีนายกฯเป็นประธาน และมีตนเป็นรองประธาน ส่วนกรรมการมาจากภาครัฐและเอกชน อาทิ เลขาธิการนายกฯ เลขาธิการ ก.พ. เลขาธิการ ก.พ.ร. เลขาธิการสภาพัฒน์ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายกานต์ ตระกูลฮุน นายเทวินทร์ วงศ์วานิช นายเทียนฉาย กีระนันทน์ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ นายบัณฑูร ล่ำซำ และนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เป็นต้น

“บิ๊กกุ้ย” ไม่กดดันถกยื่นอุทธรณ์ พธม.
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการคัดลอกคำพิพากษาคดีดังกล่าวจากศาลฎีกาฯ แต่มั่นใจว่าจะพิจารณาทันกรอบเวลา 30 วัน และต้องตอบสังคมได้ เมื่อถามว่า มีการตั้ง ข้อสังเกตจากกลุ่มพันธมิตรฯว่า ป.ป.ช.ไม่อยากอุทธรณ์คดีนี้ พล.ต.อ.วัชรพลตอบว่า เป็นเรื่องคาดคะเนกันไป เราต้องดูประเด็นที่ ป.ป.ช.ชุดก่อนชี้มูลก่อนส่งฟ้องและอีกหลายเรื่อง ทั้งข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง คำพิพากษากลางและคำพิพากษาของตุลาการแต่ละคน และต้องนำหลักฐานที่กลุ่มพันธมิตรฯยื่นเข้ามาพิจารณาด้วย เมื่อถามว่า กดดันหรือไม่ที่ถูกจับตามองถึงสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตระกูลวงษ์สุวรรณ พล.ต.อ.วัชรพลตอบว่า ไม่กดดันเพราะเป็นหน้าที่ ทุกอย่างทำตามกฎหมายและพยานหลักฐาน
รับเป็นจุดอ่อนสนิท “วงษ์สุวรรณ”
เมื่อถามว่า สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่า ประธาน ป.ป.ช.เหมือนจะเกรงใจจำเลยบางคนในคดีนี้เป็นพิเศษ พล.ต.อ.วัชรพลตอบว่า “คงปฏิเสธไม่ได้เป็นธรรมดา เป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่การงาน อาจจะเป็นจุดอ่อนของชีวิต เลือกไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราจะเป็นอย่างไร” เมื่อถามว่า จะเข้าร่วมพิจารณาการอุทธรณ์หรือไม่เพราะถูกครหาว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย พล.ต.อ.วัชรพลตอบว่า ต้องพิจารณาทั้งหมดว่าจะเป็นประโยชน์หรือไม่ องค์กรจะเป็นอย่างไร ตนคิดอยู่ทุกวัน ต้องเอาประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ ส่วนที่คำพิพากษาศาลฎีกาขัดแย้งกับคำพิพากษาศาลปกครองกลางเพราะมองกันคนละมุม เรื่องคดีอาญาต้องมีเจตนาพิเศษที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายผู้อื่นไม่เช่นนั้นจะต้องยกประโยชน์
จ่อแก้ ก.ม.ลุยยึดทรัพย์ถึงต่างแดน
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ แนวทางการปฏิรูปกฎหมายว่า ประเทศไทยมีกฎหมายที่ต้องเปลี่ยนแปลงจำนวนมาก จึงตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายขึ้นมารองรับ วันนี้เราต้องให้ความสำคัญกฎหมายการประกอบธุรกิจ เพราะมีความยุ่งยาก กระบวนการขออนุมัติซับซ้อน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะต้องปรับแก้กี่ฉบับ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมาย ในป.ย.ป. ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน จะดำเนินการควบคู่ไปกับคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ที่จะมีการจัดตั้งขึ้นในสัปดาห์หน้า สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจที่ต้องแก้ไข อาทิ กฎหมายแรงงานคนต่างด้าว กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร บางเรื่องประเทศไทยไม่เคยมีมาก่อน แต่ต่างประเทศมี ทำให้เกิดช่องว่างทางด้านกฎหมาย เช่น กฎหมายที่เกี่ยวกับบัตรเครดิต และกฎหมายที่เกี่ยวกับการยึดทรัพย์บุคคลที่ถูกฟ้องล้มละลายแล้วยักยอกเงินออกนอกประเทศ ที่ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินคดียึดทรัพย์บุคคลเหล่านั้นได้ ถึงเวลาที่จะต้องแก้ไขกฎหมายให้สามารถตามไปยึดทรัพย์ต่างประเทศได้ แต่ก็ต้องยอมรับในกรณีที่คนต่างชาติถูกฟ้องล้มละลายแล้วหนีมาตั้งถิ่นฐานในไทย ต่างชาติก็ต้องตามมายึดทรัพย์ในประเทศได้เช่นกัน
เอาจริงบินโดรนที่ห้ามเจอสอยแน่
ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ.ระบุว่าจะดำเนินการเอาผิดอย่างจริงจังกับบุคคลที่นำโดรน ขึ้นบินบริเวณสถานที่ราชการและกองทัพอากาศว่า ที่ผ่านมากองทัพอากาศได้ตรวจสอบพบว่ามีบุคคลนำโดรนมาขึ้นบินและถ่ายภาพมุมสูงในพื้นที่กองทัพอากาศ ผลการตรวจสอบพบว่าภาพที่บันทึกและนำไปเผยแพร่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องความลับทางราชการ จึงสั่งให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ ส่วนมาตรการพิเศษนั้น การใช้โดรนมีระเบียบข้อบังคับอยู่แล้ว และต้องขึ้นทะเบียนให้ถูกกฎหมาย การเข้ามาบินในพื้นที่สถานที่ราชการหรือสถานที่ที่กำหนดต้องขออนุญาต ส่วนพื้นที่กองทัพอากาศเป็นพื้นที่ทางยุทธการ มีมาตรการรักษาความปลอดภัย มีอุปกรณ์ตรวจจับโดรน หากตรวจพบจะมีอุปกรณ์นำโดรนลงมา เช่น เครื่องแจมเมอร์ เพื่อรบกวนคลื่นการควบคุมและนำโดรนลงมายังพื้น ขอฝากผู้เล่นโดรนศึกษาข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องที่มีเป็นจำนวนมากด้วย
สนช.ตั้ง 7 คตง.–“เข็มชัย” นั่ง อสส.
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. เป็นประธานการประชุมพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) 7 ตำแหน่ง โดยที่ประชุม สนช.ได้ลงคะแนนเห็นชอบกรรมการคตง.ทั้ง 7 คน ประกอบด้วย นางยุพิน ชลานนท์นิวัฒน์ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็น คตง.ด้านการตรวจเงินแผ่นดิน นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นางอรพิน ผลสุวรรณ์ สบายรูป อ.ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เป็น คตง.ด้านกฎหมาย น.ส.จินดา มหัทธนวัฒน์ ที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช. เป็น คตง.ด้านบัญชี พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก เป็น คตง.ด้านการตรวจสอบภายใน นายวีระยุทธ ปั้นน่วม รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็น คตง.ด้านการเงินการคลัง และนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการกรรมการ ป.ป.ช. เป็น คตง.ด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการตรวจเงินแผ่นดิน จากนั้นที่ประชุม สนช.ยังได้ลงมติให้ความเห็นชอบให้นายเข็มชัย ชุติวงศ์ รองอัยการสูงสุด เป็นอัยการสูงสุด ด้วยคะแนน 198 งดออกเสียง 5
“บิ๊กป้อม” เคาะชื่อปรับย้ายบิ๊กทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงกลาโหมว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมคณะกรรมการปรับย้าย ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม 2551 โดยคณะกรรมการทั้ง 7 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (ตท.18) เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ เสนาธิการทหาร (ตท.17) เป็น ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญจศรี รองเสนาธิการทหาร (ตท.18) เป็นเสนาธิการทหาร พล.อ.สสิน ทองภักดี เสนาธิการทหารบก (ตท.17) เป็นรอง ผบ.ทบ. พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 (ตท.17) เป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.ท.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองเสนาธิการทหารบก (ตท.19) เป็นเสนาธิการทหารบก พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.16) เป็น ผบ.ทร. พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ (ตท.18) เป็นรอง ผบ.ทร. โดย พล.อ.ประวิตรได้ให้ ผบ.เหล่าทัพ นำบัญชีรายชื่อกลับไปตรวจสอบให้เรียบร้อยและส่งกลับมาในสัปดาห์หน้า ก่อนจะส่งให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป