สนช.ผ่านร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง หลังตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายถกข้อโต้แย้ง กรธ. 4 ประเด็น 'สุรชัย' แจงเพิ่มบทลงโทษโกงไพรมารี ย้ำไม่มียุบพรรค ให้สิทธิ หน.พรรคลงเขตได้ ห้ามคนนอกล้วงลูก เจอคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 60 ในการประชุม สนช. ที่มี นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่คณะ กมธ.วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 ในฐานะประธานคณะกมธ.วิสามัญฯ กล่าวรายงานว่า กรธ.ได้ส่งความเห็นแย้งกับร่างของ สนช. โดยระบุว่ามี 4 ประเด็น ที่ไม่ตรงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ กมธ.เห็นด้วย 2 ประเด็น จึงแก้ไขข้อโต้แย้งเรื่องกระบวนการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งไพรมารีโหวต ที่ยังไม่มีมาตรการจัดการทุจริตในชั้นการประชุมสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนประจำจังหวัด กำหนดเพิ่มบทลงโทษเพื่อความสุจริตเที่ยงธรรม
ส่วนข้อโต้แย้งเรื่องการให้หัวหน้าพรรคการเมือง ต้องอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งในลำดับที่หนึ่ง ในบัญชีรายชื่อเท่านั้นเป็นการเลือกปฏิบัตินั้น กมธ.ได้แก้ไขให้หัวหน้าพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งได้ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อได้ โดยจัดให้หัวหน้าพรรคอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ส่วนข้อโต้แย้งเรื่องการให้หาจำนวนสมาชิกพรรคครบทุกเขตเลือกตั้ง ถึงจะส่งตัวผู้สมัครได้ และข้อโต้แย้งที่ว่า พรรคใหญ่ได้เปรียบพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กนั้น กมธ.เสียงข้างมากไม่เห็นด้วย ให้คงไว้ตามร่างเดิมของ สนช.
นอกจากนี้ ยังมีแก้ไขใหม่ใน มาตรา 51 (4) มาตรา 52 และเพิ่มบทบัญญัติใหม่มาตราเกี่ยวกับการสรรหาผู้สมัครไพรมารีโหวต ไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการยุบพรรคการเมือง มีแต่อัตราโทษ ที่กำหนดไว้หนักเบาตามการกระทำความผิด เริ่มที่จำคุก 6 เดือนถึง 1 ปี หรือ 1 ปี ถึง 10 ปีเท่านั้น ไม่มีมาตรการยุบพรรคการเมือง
...
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ประชุมเปิดให้สมาชิกอภิปรายแล้ว แต่ไม่มี สนช.แสดงความเห็น จึงได้ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง ด้วยคะแนน 205 เสียง งดออกเสียง 2 และไม่ลงมติ 1 เสียง โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแก้ไขและเพิ่มเติมบทลงโทษในร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง มีที่น่าสนใจ อาทิ เรื่องการสรรหาผู้สมัครแบบไพรมารีโหวต แม้ไม่มีโทษยุบพรรค แต่หากหัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด เกี่ยวข้องกับการทุจริตจะมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งห้าปี ห้ามเรียกรับผลประโยชน์ สัญญาว่าจะให้ จูงใจให้ลง หรือไม่ลงสมัครรับการสรรหามีโทษจำคุก ตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
สำหรับกรณีกรรมการบริหารพรรค หัวหน้าสาขาพรรค ที่รู้เห็นเกี่ยวข้อง จะมีโทษเช่นเดียวกับผู้มีทุจริต ห้ามตัวแทนประจำจังหวัด หัวหน้าสาขาพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค ยินยอมให้บุคคลใดที่มิได้เป็นสมาชิกพรรค ยุ่งเกี่ยวกับการประชุม ออกเสียงคะแนน หากไม่ปฏิบัติตามมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ถูกศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งห้าปี สำหรับมาตรา 52 ให้การดำเนินการสรรหาผู้สมัคร ที่พรรคมิได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด ไม่กระทบต่อการรับสมัครเลือกตั้ง ที่ กกต.ได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ถ้ารู้ถึงความไม่ถูกต้อง กกต.มีหน้าที่กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนต่อไป