รอดตายหวุดหวิดเหมือนได้เกิดใหม่

ที่สุดเลย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษา “ยกฟ้อง” คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯในขณะนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.ในขณะนั้น

ในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯที่บุกล้อมรัฐสภาปี 2551

เนื่องจากศาลฯเห็นว่า ไม่มีข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ว่า จำเลยมีเจตนาก่อให้เกิดอันตราย หรือมีเจตนาพิเศษที่จะสลายการชุมนุมให้เกิดการสูญเสีย

จึงไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157

โล่งอก ตัวเบาหวิวไปตามๆกัน

โดยเฉพาะคิวของ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท น่าจะทำให้พี่ชายอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เหมือนยกภูเขาออกจากอก

เป็นการปลดล็อกบ่วงพันธนาการที่ทำให้ “พี่ใหญ่” ขยับตัวลำบากมาหลายปี ตามสถานะของผู้มากบารมีที่ต้องถูก “ค่อนแคะ” ในเรื่องเกี่ยวโยงกับน้องชายมาต่อเนื่อง

จากนี้ไปใครหยิบเรื่องมากระแทกแดกดันไม่ได้แล้ว

แต่ที่เฮเสียงดังกว่า ก็น่าจะเป็นคิวของอดีตนายกฯสมชาย

งานนี้เหมือนถูกหวยสองเด้ง

นอกจากรอดคุกแล้ว ยังเสมือนได้คืน “สถานะ” ทางการเมืองอย่างเต็มตัว

ตามรูปการณ์ที่มีการมองข้ามช็อตล่วงหน้าไปถึงโอกาสในการถือธงแม่ทัพพรรคเพื่อไทยในการลงสนามเลือกตั้งรอบต่อไป

เกมพลิกกลับโดยอัตโนมัติ “น้องเขยทักษิณ” กลายมาเป็นคู่แคนดิเดตสำคัญของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ที่จ่อลุ้นเก้าอี้หัวหน้าพรรคคนใหม่

...

ตามเหลี่ยมที่เดาทางได้ไม่ยาก จากนี้ไป “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ คงได้ใช้กำลังภายในผลักดันสามีได้มีโอกาส “แก้ตัว”

กู้หน้าจากนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยเข้าไปนั่งในทำเนียบรัฐบาล

และตามสไตล์ “นายใหญ่” ยังไงก็ต้องไว้ใจคนในครอบครัวมากกว่าคนนอก

แต่ก็อีกนั่นแหละ ถึงแม้ตระกูลชินจะมีตัวเลือก “นอมินี” เป็นคนในครอบครัว แต่การได้นายสมชายกลับมาคนเดียวอาจไม่มี ผลอะไรมากนัก ในเมื่อเงื่อนไขสถานการณ์ภาพรวมมาถึงตรงนี้

เห็นได้เลยว่า แนวโน้มการเมืองไทยกำลัง “เปลี่ยนรุ่น”

ทั้งด้วยผลทางกฎหมาย เงื่อนไขของการติดชนักคดีที่มีโทษแบนการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่โฟกัสไปที่ทีมงานพรรคเพื่อไทย ลูกข่าย “ทักษิณ” ที่เจอสารพัดคดี โดยเฉพาะที่จ่อรออยู่ข้างหน้ากรณีการจ่ายเงินเยียวยาม็อบเสื้อแดง นปช.ที่ส่อผิดยก ครม.รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”

แนวโน้มโดนรวบหมดตั้งแต่ แถว 1 แถว 2 ยันแถว 3

แทบไม่เหลือแม้แต่ “นกแล” ที่จะลงสนามในรอบต่อไป

อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องของ “สังขาร” ที่โรยราไปตามกาลเวลา หลังสถานการณ์อำนาจพิเศษลากยาวมาจนเกือบครบเทอม 4 ปี แถมยังส่อจะต่อเวลาไปแบบไม่มีกำหนด

นั่นก็ทำให้นักเลือกตั้งอาชีพ “หมดไฟ” ไปเอง

เจาะเบื้องหลังมวยรุ่นใหญ่ลายครามตั้งเป้าวางมือ ผ่องถ่ายให้ทายาทรุ่นใหม่

ไม่ว่าจะเป็นคิวของ “ป๋าเหนาะ” นายเสนาะ เทียนทอง เจ้าพ่อวังน้ำเย็น “เสี่ยตือ” นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ขาใหญ่แห่งค่ายปลาไหล พรรคชาติไทยพัฒนา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แห่งอาณาจักรสุโขทัย นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ มือประสานสิบทิศ ฯลฯ ใส่เกียร์ถอยกันหมดแล้ว

นั่นก็เท่ากับเปิดทางกระบวนการปฏิรูปของ คสช.

ตามกระบวนการที่ฝ่ายคุมเกมอำนาจต้องเตรียมดินในการปลูกต้นกล้าการเมืองรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพ แบบที่วางเงื่อนไขไว้ในกฎหมายลูกเกี่ยวกับพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้ง

แฝงยุทธศาสตร์เปิดทางนักการเมืองเลือดใหม่เข้ามานำเปลี่ยนผ่าน

โอกาสพันธุ์เก่าจะกลับมาเฮี้ยวแบบเดิมยากแล้ว.

ทีมข่าวการเมือง