นายกฯ รับมอบแสตมป์ 65 พรรษา "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร" พร้อมชิมลำไยพันธุ์อีดอ บอกอร่อยดี
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.60 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช. และเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นำคณะผู้บริหาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้าพบนายกฯ เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ดวงตราไปรษณียากร 65 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และมอบกรอบรูปบรรจุแสตมป์ที่ระลึกดวงแรกรัชกาลที่ 10 ให้แก่นายกฯ
โดยสแตมป์ดังกล่าวได้ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยแสตมป์ดังกล่าวเป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์ครุยมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประกอบอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร.บนพื้นภาพสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ พร้อมเทคนิคพิเศษปั๊มฟอยล์ทอง
...
พร้อมกันนี้คณะผู้บริหารไปรษณีย์ไทย ได้มอบเงินสมทบทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเงิน 500,000 บาท รวมถึงประชาสัมพันธ์โครงการช่วยเหลือเกษตรกร กระจายผลผลิตลำไยสดพันธุ์อีดอ จากกลุ่มสหกรณ์การเกษตรประตูป่า จ.ลำพูน ไปสู่ผู้บริโภค ภายใต้บริการ "อร่อยทั่วไทย สั่งได้ที่ไปรษณีย์" และโครงการลำไยอบแห้ง ขายในราคา 255 บาท บรรจุกล่องละ 5 กิโลกรัม พร้อมกันนี้นายกฯ ยังได้ลองชิมลำไย พร้อมบอกว่า "อร่อยดี" และได้มอบเงิน 10,000 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไย
สำหรับวาระการประชุมที่น่าสนใจในวันนี้นั้นประกอบด้วย การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ โดยจะนำภาษีสรรพสามิตของสินค้า สุรา และยาสูบ เป็นรายได้ของกองทุนผู้สูงอายุ ในอัตราร้อยละ 2 ของภาษีที่จัดเก็บ โดยกำหนดเพดานไว้ไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ในแต่ละปีงบประมาณ เพื่อกำหนดเบี้ยยังชีพรายเดือน สำหรับผู้สูงอายุเป็นแบบขั้นบันได โดยอายุ 60-69 ปี ได้รับ 600 บาท อายุ 70-79 ปี ได้รับ 700 บาท อายุ 80-89 ปี ได้รับ 800 บาท และอายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับ 1,000 บาท ขณะเดียวกันจะมีการพิจารณาโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2 วงเงิน 4,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างสถานีไฟฟ้า ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย จ.นครพนม จ.กาญจนบุรี และ จ.นราธิวาส นอกจากนี้ยังต้องติดตามการแต่งตั้งข้าราชการระดับหัวหน้าส่วนราชการ ทดแทนตำแหน่งเกษียณอายุราชการที่ยังเหลืออยู่ โดยเฉพาะเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รวมถึงติดตามสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ ของคณะกรรมการกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ทั้งความเสียหายแก่ชีวิตและที่อยู่อาศัย.