19 พรรคเล็ก ชงขอไพรมารีโหวตเป็นเรื่องภายใน "สุรชัย" งงข่าวเพิ่มโทษยุบพรรค ย้ำแนวทางถ้าไม่เกี่ยวกับประเด็น กรธ.โต้แย้ง ขณะที่กรรมการบริหารพรรค มีสะดุ้ง สนช.ชงโกงไพรมารี ส่งศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งยุบพรรค

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.60 ที่รัฐสภา นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ในฐานะประธานกลุ่มปฏิรูปการเมืองยุคใหม่ พร้อมด้วยตัวแทน 19 พรรคการเมืองเล็ก ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 เพื่อเสนอแนะ 4 ประเด็น ต่อร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง เพื่อให้ กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายพิจารณา ประกอบด้วย 1.ในการทำไพรมารีโหวต ควรให้พรรคการเมืองดำเนินการเองทุกขั้นตอนจะสะดวกขึ้น 2.การดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องอำนวยความสะดวก และโอนเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองในการทำกิจกรรมด้วย 3.ให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคทำกิจกรรมทางการเมือง โดยเขียนยกเลิกในบทเฉพาะกาล และ 4.ขอให้ คสช.และนายกรัฐมนตรียืนยันการเลือกตั้งตามโรดแม็ปปี 2561

นายสุรชัย กล่าวว่า ในการประชุม กมธ.ร่วม 3 ฝ่าย วันที่ 25 ก.ค.นี้ จะนำข้อเสนอแนะดังกล่าวเข้าพิจารณาด้วย ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม กมธ. แต่หลักการที่ใช้เป็นแนวทางการทำงานมาตลอดคือ การมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมทางการเมือง ผ่านการเป็นสมาชิกพรรค และทำอย่างไรที่จะให้พรรคการเมืองได้รับการส่งเสริม เพื่อพัฒนาเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งต่อไป

จากนั้น นายสุรชัย กล่าวถึงการตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า จะใช้ข้อโต้แย้งของ กรธ.ที่ระบุว่ามีประเด็นใดที่ขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญเป็นหลักในการพิจารณา โดยจะศึกษาเป็นรายประเด็น และขึ้นอยู่กับเสียงข้างมากของที่ประชุม กมธ.ร่วม 3 ฝ่าย ถ้าที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อโต้แย้ง ก็จะนำไปสู่การปรับปรุงบทบัญญัติที่ได้ผ่านวาระสามของที่ประชุม สนช.ไปแล้ว แต่ถ้าเห็นว่าข้อโต้แย้งไม่มีเหตุผลรับฟัง จะคงตามร่างเดิมของ สนช. ส่วนข้อเสนออื่นๆ จะรับไว้ไปพิจารณาต่อไป ว่าตรงกับประเด็นที่ กรธ.โต้แย้งหรือไม่ มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหรือไม่ ถ้ามีจะนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขได้ ถ้าไม่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถไปแก้ไขได้ เป็นกติกาที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 267

...

เมื่อถามถึงกรณีมีข้อเสนอว่า หากเกิดการทุจริตในขั้นตอนไพรมารีโหวตของพรรคอาจมีโทษแรงถึงยุบพรรค นายสุรชัย กล่าวว่า ตรงนั้นไม่ได้อยู่ในประเด็นที่ กรธ.โต้แย้งมา ร่างเดิมที่ผ่าน สนช. ก็ไม่มีโทษของขั้นตอนไพรมารีโหวต ตนไม่รู้ข่าวมาได้อย่างไร หากสมมติว่าข้อเสนอดังกล่าว สนช.เห็นว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยง และทาง กรธ.โต้แย้งมาว่าการทุจริตในขั้นตอนไพรมารีโหวต ไม่ได้กำหนดโทษ และที่ประชุม กมธ.ร่วม เห็นควรให้เพิ่มเติมโทษ ก็เป็นเรื่องที่ต้องไปศึกษากันอีก อาทิ เรื่องอัตราโทษ ซึ่งอย่าเพิ่งไปคาดเดา กมธ.ร่วมยังไม่ได้เริ่มปรึกษากันเลย  

เมื่อถามว่า หากมีการระบุว่า ไพรมารีโหวตเป็นเรื่องภายในพรรคการเมือง ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการเลือกตั้ง แล้วใครจะเป็นผู้รักษากฎหมาย นายสุรชัย กล่าวว่า ถือเป็นโจทย์ที่เราต้องช่วยกันคิดออกแบบ ขณะนี้มีอยู่ 2 แนวคิด คือ 1.ให้เป็นกิจการภายในของพรรคบริหารจัดการกันเอง หรือ 2.ควรให้ กกต.เข้าไปช่วยดูแลรับผิดชอบ ซึ่งหากเป็นกรณีหลัง เท่ากับว่าไพรมารีโหวตเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นกรอบอำนาจหน้าที่ของ กกต. แต่ถ้าหากไม่นับว่าไพรมารีโหวตเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเลือกตั้ง กกต.ไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้อง ขอเวลาไปศึกษาแลกเปลี่ยนกันก่อน ตนพูดคนเดียวเดี๋ยวจะหาว่ายังไม่เริ่มประชุมเลย แต่มีความเห็นแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่มีตัวแทนคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง ได้หารือนอกรอบกับตัวเเทนกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยมีข้อสรุปเบื้องต้นปรับเนื้อหาใหม่ โดยให้การจัดทำไพรมารีโหวตเป็นกิจการภายในของพรรคการเมือง ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการเลือกตั้ง แต่มีการเพิ่มบทลงโทษการกระทำผิดในสามประเด็นคือ กรณีดำเนินการไม่ครบตามขั้นตอน หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี หากมีการสัญญาว่าจะให้ คุกคาม ใส่ร้ายด้วยข้อความเป็นเท็จ จูงใจให้คนเข้าใจผิดในคะแนนนิยม มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นอกจากนี้หากทำผิดในกรณีเรียกรับผลประโยชน์มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 2 หมื่นถึง 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและยุบพรรค.