รองโฆษก กอ.รมน. ชี้แจงความคืบหน้ากรณีผู้ก่อเหตุความไม่สงบ ในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง-ปะนาเระ ที่ยิงเยาวชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 2 ราย ต่อมาได้ควบคุม 6 ผู้ต้องสงสัย ก่อนนำ้เข้าสู่กระบวนการซักถาม ขณะที่ มทภ.4 ออกมาแสดงความเสียใจ พร้อมสั่งดูแลเยียวยา และให้หน่วยเร่งติดตามนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 มิ.ย. พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงข่าวชี้แจงความคืบหน้ากรณี ใกล้เที่ยงวันที่ 17 มิ.ย. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มเยาวชนผู้บริสุทธิ์ อายุระหว่าง 18-19 ปี ขณะหาของป่าในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้เยาวชน เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 2 รายนั้น จากกรณีดังกล่าว ฉก.ปัตตานี หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 พร้อมสนธิกำลังร่วมทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง เข้าทำการติดตามความเคลื่อนไหว และเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ พื้นที่บ้านดุซงปาแยตะวันตก หมู่ 2 ต.ตอหลัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี พบศพเพิ่มเติม 1 ราย คือ นายณัฐภพ อินทรทิตย์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/3 หมู่ที่ 6 ต. ดอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี และจากการติดตามจับกุมและปฏิบัติตามกฎหมายในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 2 จุด ได้แก่ หมู่ 1 ต.ตันหยงจึงงา และพื้นที่ หมู่ 4 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี สามารถตรวจยึดอาวุธปืนขนาด M-16 จำนวน 1 กระบอก ปืน AK-47 (อาก้า) จำนวน 1 กระบอก ปืนพก จำนวน 3 กระบอก พร้อมอุปกรณ์และเครื่องกระสุนได้จำนวนหนึ่ง พร้อมกันนี้สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ จำนวน 6 ราย ได้ดำเนินการนำบุคคลต้องสงสัยเข้าสู่กระบวนการซักถาม และนำอาวุธทั้งหมดเข้าตรวจสอบตามกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบหรือไม่ พร้อมทั้งดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป และจากการรวบรวมพยานหลักฐาน และข้อมูลด้านการข่าว รวมถึงเบาะแสที่ได้รับจากการแจ้งของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทำให้ในชั้นต้นคาดได้ว่าผู้ต้องสงสัยก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้ คือ นายซอบรี เจ๊ะห๊ะ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และเร่งติดตามผู้ก่อเหตุดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

...

พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตเป็นอย่างยิ่ง และได้สั่งการให้ส่วนที่เกี่ยวข้องดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตและอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จำเป็นตามสิทธิเยียวยาที่ได้รับตามระเบียบของทางราชการอย่างเต็มที่ และให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ตลอดจนรวบรวมงานการข่าวเพื่อติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษ โดยให้ทุกหน่วยปฏิบัติการเชิงรุกในการติดตาม จับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมเพิ่มมาตรการความเข้มงวดการรักษาความปลอดภัย พี่น้องประชาชนในพื้นที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นความพยายามในการสร้างสถานการณ์ ความรุนแรงอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมุ่งกระทำต่อเด็กและเยาวชนผู้บริสุทธิ์ที่เป็นอนาคตของชาติ ซึ่งมีอายุเพียง 18-19 ปี อย่างไร้ทางต่อสู้ และเป็นการกระทำของกลุ่มผู้แสวงผลประโยชน์อย่างไร้อุดมการณ์ ไร้มนุษยธรรม ไร้ซึ่งความเมตตาต่อเด็กและเยาวชนที่ถือได้ว่าเป็นกระทำเพื่อหวังผลประโยชน์ของกลุ่มตนเองเท่านั้น โดยไม่สนใจหลักมนุษยธรรมและยังเป็นการก่อเหตุในห้วงเดือนอันประเสริฐของพี่น้องชาวมุสลิมอย่างไม่ยำเกรง และไม่รับฟังผู้นำศาสนาอิสลามที่ได้ออกมาแถลงการณ์ ให้ยุติการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้เกียรติห้วงแห่งเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ ที่การก่อเหตุรุนแรงถือเป็นบาปใหญ่ และขัดต่อหลักศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง และเป็นการสมควรที่พี่น้องประชาชน ควรออกมาร่วมกันประณามขับไล่ พร้อมต่อต้านการใช้ความรุนแรงในการกระทำอันชั่วร้ายดังกล่าวนี้ รวมถึงขอให้พี่น้องประชาชนทุกศาสนิกชนร่วมมือร่วมใจกันแจ้งเบาะแสข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ผู้ก่อเหตุรุนแรงผ่านสายด่วน 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ข้อมูลสำคัญกับเจ้าหน้าที่นำสืบ และรวบรวมไปสู่การติดตามจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุดังกล่าวมาลงโทษตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด เพื่อเป็นแบบอย่างของผู้ที่ต้องได้รับโทษ และบาปจากการกระทำอันโหดร้ายทารุณอย่างสมควรที่จะต้องได้รับในครั้งนี้.