พระครูพรหมเขตคณารักษ์ รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก นำสามเณรจำนวน 30 รูป มาพัฒนาบริเวณวัดวังตะวันตก และเริ่มตรวจสอบบัญชีการเงินต่างๆ ของวัดทันทีว่ายังมีเหลืออยู่เท่าไร เพื่อล้างมาเฟียและอิทธิพลที่อยู่ในวัดมายาวนาน...
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2560 พระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (มหานิกาย) ได้มีคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ 22.2 /2560 เรื่องแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก มีข้อความในคำสั่งว่า ด้วยพระเทพสิริโสภณ (ภากร) อายุ 79 ปี พรรษา 58 อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับการยกย่องเป็นเจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.2560 เป็นเหตุให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตกว่างจากผู้ครองตำแหน่ง แต่ในการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ในอำนาจหน้าที่ของเจ้าคณะตำบล และเจ้าคณะอำเภอไม่สามารถแก้ไขขัดข้องได้ เพราะมีเหตุการณ์ฆาตกรรมสามเณรอันเป็นคดีอุกฉกรรจ์
จึงสั่งให้พระครูพรหมเขตคณารักษ์ (ชัยสิทธ์) อายุ 45 ปี พรรษา 24 เจ้าคณะอำเภอพระพรหม และเจ้าอาวาสวัดสระเรียน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ให้มีอำนาจเสมือนหนึ่งเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.2560 ต่อมาวันนี้ พระครูพรหมเขตคณารักษ์ ก็เดินทางมารับตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตกทันที โดยพระเทพสิริโสภณ (ภากร) อดีตเจ้าอาวาสคนเก่าถูกนิมนต์ไปยังวัดสมอ อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อพักผ่อนเนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยดี
...
ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก เมื่อเดินทางมารับตำแหน่งวันแรก ก็มีการนำสามเณรจำนวน 30 รูป มาพัฒนาทำความสะอาดวัดวังตะวันตกทัน โดยเฉพาะบริเวณกุฏิที่เกิดเหตุและบริเวณขุดหลุมฝังศพสามเณรปลื้ม ได้มีการนำปูนขาวมาโรยเพื่อฆ่าเชื้อและดับกลิ่น และพัฒนาบริเวณรอบๆ วัดอีกด้วย ส่วนลานจอดรถของวัดวังตะวันตกก็มีการเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาจอดฟรีโดยไม่มีการเก็บค่าจอดแต่อย่างใด และมีประชาชนจำนวนมากเดินทางเข้ามาดูบรรยากาศภายในบริเวณวัดโดยเฉพาะบริเวณหลุมฝังศพสามเณรปลื้มด้วยความสนใจตลอดทั้งวัน
“อาตมาได้รับคำสั่งจากเจ้าคณะจังหวัดให้มาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในวัด โดยเฉพาะเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ภายในวัดจะต้องไม่มีมาเฟียหรืออิทธิพลเหมือนในวัดที่ผ่านมา แต่เนื่องจากปัญหาถูกหมักหมมจำนวนมากอาตมาก็จะพยายามแก้ไปทีละเรื่อง สิ่งแรกที่ต้องทำเร่งด่วนก็คืออาตมาได้ทำหนังสือไปถึงธนาคารทุกแห่งเพื่อขอตรวจสอบยอดเงินของวัดว่ามีเงินคงเหลืออยู่เท่าไร เพราะตอนนี้ตนยังไม่เห็นตัวเลขยอดเงินของวัดแม้แต่บาทเดียวเลย เงินรายได้จากการเช่าที่จอดรถภายในบริเวณวัดก็ไม่ได้มีการนำเงินเข้าบัญชีวัดเลยแม้แต่บาทเดียว อาตมาจะพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อล้างวัดให้สะอาด อาตมาไม่หนักใจแต่เป็นเรื่องที่ท้าทายต้องกวาดล้างวัดให้สะอาดให้ได้ โดยเฉพาะหลังจากนี้จะมีพุทธบริษัทที่อาศัยรอบๆ วัดเข้ามาช่วยเหลือวัดในการแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ลุล่วงไปด้วยดี พระครูพรหมเขตคณารักษ์ (ชัยสิทธิ์) กล่าว
ด้าน นายชวน เอกเกียรติกุล อายุ 42 ปี พ่อของสามเณรปลื้ม เปิดเผยว่า ตามปกติตนทำงานขับรถบรรทุก 10 ล้อ ก่อสร้างถนนใน จ.กาฬสินธุ์ แต่ได้ติดต่อสามเณรปลื้มมาโดยตลอด พร้อมกับส่งเงินมาให้สามเณรปลื้ม ใช้จ่ายบ่อยครั้ง โดยครั้งสุดท้ายช่วงหลังปีใหม่ และทราบว่าสามเณรปลื้ม มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับคนข้างวัด จากนั้นตนก็ไม่สามารถติดต่อกับสามเณรปลื้มได้ แต่มีญาติคอยติดตามหาสามเณรปลื้มมาโดยตลอด จนกระทั่งทราบข่าว ว่าสามเณรปลื้ม ถูกฆ่าฝังศพภายในวัด ตนจึงเดินทางจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่กลุ่มผู้ต้องหาอ้างว่าสามเณรปลื้ม ขโมยเงินของกลุ่มผู้ต้องหา จึงต้องฆ่าฝังดินนั้น ส่วนตัวตนไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด เพราะสามเณรปลื้มไม่มีนิสัยขี้ลักขี้ขโมย
พ่อของสามเณรปลื้ม กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าสามเณรปลื้ม มีนิสัยพูดจาโผงผาง ไม่เกรงกลัวใคร แต่เชื่อว่าสามเณรอาจไปรู้เห็นเกี่ยวกับความลับสำคัญบางอย่างภายในวัด จึงถูกฆ่าปิดปากมากกว่า ตนรับไม่ได้และไม่ขอพูดถึงกลุ่มฆาตกรที่เหี้ยมโหด ที่ฆ่าสามเณรปลื้ม ตนอยากให้คดีนี้มีโทษถึงประหารชีวิต ตนอยากให้กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องรับโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต ให้รับเวรกรรมที่กระทำกับสามเณรปลื้ม เพราะว่ากลุ่มฆาตกร มีพฤติกรรมที่เหี้ยมโหดผิดมนุษย์ นอกจากฆ่าแล้วยังขุดหลุมฝังศพเพื่อปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพอีก ตนขอให้โทษประหารชีวิต จะได้สาสมกับความชั่วช้าที่กระทำกับสามเณรปลื้ม
นายชวน กล่าวด้วยว่า ขอให้กลุ่มฆาตรกรคิดดูว่า หากคนตายเป็นลูกหลานของตัวเองจะรู้สึกอย่างไร ตนไม่ต้องการให้กลุ่มฆาตกรรับโทษจำคุก เพราะถ้าติดคุก 8-9 ปี พอพ้นโทษออกมาอยู่อย่างสุขสบาย แต่สามเณรปลื้มต้องมาตายในวัยก่อนวัยอันควรเพียง 17 ปี เท่านั้น ตนไม่คิดเลยว่าที่ลูกชายที่ต้องการบวชเป็นพระ เพื่อศึกษาร่ำเรียน ต้องมาเจอจุดจบของชีวิตด้วยวัยเท่านี้.
...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง