ตร.-ทหาร นำกำลังตรวจจุดที่มีคนนำตะปูเรือใบมาโรยไว้ ริมถนน ที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร คาดฝีมือคนไม่พอใจพวกมักง่าย ขนขยะมาทิ้ง จนหมักหมม ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ ... 

จากกรณีมีชาวบ้านขับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ถูกตะปูเรือใบที่มีคนนำมาโปรยทิ้งไว้จำนวนมาก แทงจนล้อยางรั่วได้รับความเสียหายหลายราย เหตุเกิดบริเวณถนนสายเอเชีย 41 หลัก กม.68-69 ช่องทางขาขึ้น หมู่ที่ 3 ตำบลท่ามะพลา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น (แก๊งโปรยเรือใบอาละวาดหลังสวน! ยางรถเสียหายหลายคัน เก็บได้นับร้อยตัว)

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 พ.ค.60 พ.อ.ปัญญ์สวัฒกก์ มาลารัตน์ รอง ผอ.รมน.จังหวัดชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.ท.กุศล หวังแก้ว สวป. ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ เพ็งรัตน์ รอง สว.สส และ ร.ต.อ.เจียรศักดิ์ ยินดี รอง สวป. สภ.หลังสวน เดินทางไปตรวจสอบ ร่วมกันระหว่างตำรวจและทหาร

จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ยังพบมีตะปูเรือใบหลงเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง โดยจุดที่มีคนโปรยตะปูเรือใบ อยู่บริเวณขอบทางริมถนนช่องทางขาขึ้นใกล้กับจุดยูเทิร์น มีกองขยะขนาดใหญ่ ส่งกลิ่นเน่าเหม็นโชยไปทั่วบริเวณ ซึ่งบริเวณดังกล่าวห่างออกไปไม่มากนัก จะเป็นย่านชุมชน อาคารพาณิชย์ และหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่อาศัย

...

เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากการที่ชาวบ้านบางคนบางกลุ่ม ไม่พอใจพวกพ่อค้าแม่ค้าจากพื้นที่ใกล้เคียง มักจะขับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ นำขยะมูลฝอยมาทิ้งบริเวณดังกล่าวเป็นประจำทุกวัน จนทับถมหมักหมม ส่งกลิ่นเหม็นเน่าโชยไปทั่วบริเวณ จึงแอบนำตะปูเรือใบมาโปรยไว้ขอบถนน กระทั่งถูกรถของชาวบ้านที่ขับผ่านไปมา ได้รับความเสียหายหลายราย

ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ เพ็งรัตน์ รองสารวัตรสืบสวน สภ.หลังสวนกล่าวว่า จากข้อมูลสาเหตุน่าจะมาจากมีชาวบ้านบางกลุ่มไม่พอใจที่มีรถของพ่อค้า แม่ค้า ขนขยะมาทิ้งอยู่เป็นประจำ สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านที่อยู่ในย่านดังกล่าว ที่ผ่านเคยมาชาวบ้านละแวกนี้ เคยออกมาเตือนผู้ที่ขับรถนำขยะมาทิ้ง แต่ก็ไม่มีใครสนใจ อาจจะทำเกิดความโมโห จึงทำตะปูเรือใบมาโปรยดักยางล้อพวกมักง่ายนำขยะมาทิ้ง และทำให้ชาวบ้านที่สัญจรบนถนนช่องทางดังกล่าว ได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงยังอยู่ระหว่างสอบสวน

ด้าน พ.อ.ปัญญ์สวัฒกก์ กล่าวว่า ตนได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุของการโปรยตะปูเรือใบจำนวนมาก เพื่อรายงานให้ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้รับทราบ แต่ยังสรุปชัดเจนไม่ได้ ต้องรอให้ตำรวจทำงานสอบสวนพยานหลักฐานที่ชัดเจนก่อน แต่อยากเตือนผู้ที่ลงมือทำว่า ให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวเสีย เพราะหากมีประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต หรือทรัพย์สินเสียหาย หากถูกจับกุม จะมีความผิดกฎหมายอาญาหลายข้อหาเลยทีเดียว.