ครอบครัวสุดอาลัย สูญเสีย "จ่ามิน" จ.ส.อ.อนันดา อุดร วีรบุรุษสมรภูมิภูมะเขือ พี่สาวเล่านาทีทราบข่าวเศร้า พ่อช็อกหมดสติตั้งตัวไม่ทัน เผยลางบอกเหตุครั้งสุดท้ายที่กลับบ้าน น้องชายกอดทุกคนก่อนได้กลับไปรบ วอนหน่วยงานด้านความมั่นคง เร่งทำสถานการณ์ให้สงบโดยเร็ว เพื่อไม่ให้มีใครสูญเสียอีก
จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ด้านภูมะเขือ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 68 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ไทยสูญเสียกำลังพลอีกราย คือ จ.ส.อ.อนันดา อุดร หรือ จ่ามิน อายุ 39 ปี สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 16 (ร.16 พัน.3) กองพลทหารราบที่ 6 (พล.ร.6) ค่ายบดินทรเดชา จ.ยโสธร ซึ่งถือเป็นทหารกล้ารายที่ 6 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดย จ.ส.อ. อนันดา ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสะเก็ดระเบิด BM-21 ของทหารกัมพูชา ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ก่อนถูกนำตัวรักษาที่โรงพยาบาลสุรินทร์ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่วัดไลย์ชัยมงคล ต.จะกง อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้านเกิดของ จ.ส.อ.อนันดา พบว่ามีพระ ทหาร ชาวบ้าน ช่วยกันจัดสถานที่เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา บรรยากาศปกคลุมด้วยความเศร้าสลด
...
นางแจ๋ว อุดร อายุ 53 ปี พี่สาวคนที่ 3 ของ จ.ส.อ.อนันดา เปิดเผยทั้งน้ำตาถึงวินาทีที่ครอบครัวรับรู้ข่าวร้ายว่า เป็นภาพที่ไม่มีวันลืม ขณะกำลังพักผ่อนอยู่ ได้ยินน้องสาวโทรศัพท์มาบอกพ่อว่า "น้องชายโดนระเบิด" ตนตกใจรีบลุกขึ้นทันที และภาพแรกที่เห็นคือ พ่อทรุดล้มลงกับพื้น เป็นลมหมดสติด้วยความตกใจและเสียใจอย่างหนัก ตนรีบวิ่งไปหยิบยาดมมาปลอบพ่อ บอกพ่อว่าใจเย็นๆ นะ หนูจะอยู่กับพ่อ น้องเขาจากเราไปแล้ว แต่หนูจะไม่ทิ้งพ่อไปไหน ตอนนั้นทุกคนทำอะไรไม่ถูกเลย หลังตั้งสติได้ ครอบครัวรีบโทรเช็กข้อมูลจนทราบว่าร่างของน้องอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ จึงรีบออกเดินทางทันที โดยไม่มีใครเก็บเสื้อผ้าหรือของใช้ใดๆ
นางแจ๋ว กล่าวต่อไปว่า น้องชายเป็นคนอารมณ์ดี ร่าเริง และรักเพื่อนฝูงมาก ช่วงกลับบ้านครั้งล่าสุดในงานกฐิน ตนสังเกตว่าน้องกอดคนในหมู่บ้านหลายคนผิดปกติ ไม่รู้ว่าเป็นลางสังหรณ์หรือเปล่า ปกติน้องไม่ใช่คนที่กอดคนเยอะๆ แบบนั้น มันเหมือนการกอดลา เราก็ไม่รู้ว่ามันหมายความอย่างนั้นไหม
ส่วนขณะนี้พ่อยังมีอาการมึนงง พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะความเสียใจ ตนต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมวอนหน่วยงานด้านความมั่นคงเร่งทำสถานการณ์ให้สงบโดยเร็ว ขอให้ทหารทำดีที่สุด อยากให้มันจบๆ ไม่อยากให้ครอบครัวไหนต้องเจ็บแบบเราอีก น้องชายรักในอาชีพทหารมาก แม้ครอบครัวเคยขอให้ออกจากราชการหลายครั้ง แต่น้องยืนยันจะรับใช้ชาติ เขารักความเป็นทหารมาก เราบอกให้ลาออกหลายรอบแล้ว แต่น้องไม่เคยยอม เขาคงทำดีที่สุดแล้วเพื่อชาติของเรา
ด้าน นางอำไพร ธงชัย อายุ 49 ปี น้าสาวของ จ.ส.อ.อนันดา เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้รับโทรศัพท์จากพ่อจ่ามิน บอกว่าจ่ามินโดนสะเก็ดระเบิด น่าจะเสียชีวิต ตนได้ยินแบบนั้นก็ร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก ตนจึงประสานไปยังผู้นำหมู่บ้านให้ทราบว่าทหารบ้านเราได้รับอุบัติเหตุจากสะเก็ดระเบิด ตอนได้รับประสานแจ้งว่าจ่ามินอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ กำลังปั๊มหัวใจช่วยชีวิตอยู่ ตนจึงรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลสุรินทร์และเข้าไปดูจ่ามินในห้องไอซียู พอเห็นสภาพจ่ามินแล้วรู้ว่าอาการหนักมาก นอนไม่รู้สึกตัวแล้ว
ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอจ่ามิน คือ ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จ่ามินมาทำบุญกฐินที่บ้านเกิด คือวัดที่ตั้งศพ ตนได้ถามไถจ่ามินว่าเป็นยังไงบ้างหลังจากที่สงครามครั้งแรกจบลง จ่ามินบอกว่าสบายๆ ไม่ต้องเป็นห่วง จ่ามินเป็นคนนิสัยดี นิสัยร่าเริงชอบทำกิจกรรม เวลากลับมาก็จะมาร่วมกิจกรรมอยู่ในชุมชนเสมอ จ่ามินจะชอบเล่นฟุตบอล แต่ครั้งนั้นก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน พอจบสงครามกลับมาบ้าน จ่ามินจึงให้พ่อพาไปเซ่นไหว้ปู่ย่าตาทวด และกราบญาติพี่น้อง ผูกแขนรับขวัญตามประเพณีโบราณของคนอีสาน ตนก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดสงครามครั้งนี้ขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2
...
ส่วนภาพที่เห็นหมาคู่ใจชื่อน้องมะลินั้น เป็นหมาที่หนีภัยสงครามในสมรภูมิรบครั้งแรกมาคลอดอยู่ใกล้กับที่พัก หรือหลุมหลบภัยของจ่ามิน จ่ามินจึงนำมาเลี้ยงด้วยความรักและความผูกพันกับหมาน้องมะลิ รักเหมือนลูก เอามานอนด้วย ไปไหนมาไหนก็จะเอามาด้วย แม้กระทั่งกลับมาบ้านเกิดก็จะเอาน้องมะลิมาด้วย
สิ่งที่เป็นลางสังหรณ์ที่ตนเห็น จ่ามินกลับมาบ้านครั้งล่าสุดเมื่อช่วงเดือนตุลาคมช่วงกฐิน จ่ามินจะเข้าไปไหว้และกอดทุกคนที่จ่ามินรักและเคารพ ดูเหมือนเป็นพฤติกรรมแปลกๆ ที่จ่ามินไม่เคยทำมาก่อน ตนอยากบอกหลานเป็นครั้งสุดท้ายว่าหลานทำดีที่สุดแล้ว รับใช้ชาติรักษาผืนแผ่นดินไทย ไม่ต้องห่วงพ่อ ไม่ต้องห่วงใครแล้ว ให้นอนหลับให้สบาย ตนจะดูแลพ่อพี่น้องให้เอง ตนขอเป็นกำลังใจให้ทหารทุกนายสู้ๆ ทวงคืนแผ่นดินไทยของเรากลับคืนมาให้คงอยู่เหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ขณะที่พระ เจ้าหน้าที่ทหาร ชาวบ้านช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังมาจากทางชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่เป็นระยะ ทั้งนี้คาดว่าศพของจ่ามิน จะเคลื่อนออกจากจังหวัดสุรินทร์ มาถึงวัดไลย์ชัยมงคล สถานที่จัดงานในช่วงบ่ายวันนี้
...