อุทกภัยสงขลา "หาดใหญ่" วิกฤติหนัก ระดับน้ำสูง 1-4 เมตร กระทบกว่า 8.3 แสนคน อพยพพุ่งกว่า 10,600 ราย เสียชีวิตแล้ว 5 ราย ด้าน ผบ.สส.ประกาศภัยพิบัติ “ระดับสูงสุด”
วันที่ 26 พ.ย. 68 กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา เผยสถานการณ์อุทกภัย (ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เวลา 24.00 น.) พบว่ายังคงเผชิญภาวะฝนตกหนักถึงหนักมากสะสม ประกอบกับพื้นที่ต้นน้ำอำเภอสะเดาไหลลงมาสมทบ โดยเฉพาะบริเวณในเขตอำเภอหาดใหญ่ บางครัวเรือนระดับน้ำสูง 1-4 เมตร และส่งผลกระทบต่อการจราจรในเขตเมืองอย่างรุนแรง
พื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 16 อำเภอ 118 ตำบล 909 หมู่บ้าน 252 ชุมชน มีครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบรวม 320,715 ครัวเรือน คิดเป็นประชาชนทั้งหมด 836,206 คน ซึ่งถือเป็นสถานการณ์รุนแรงกว่าปี 2553 ยอดผู้อพยพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะนี้มีผู้ต้องย้ายออกจากบ้านรวม 10,609 คน โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ มากที่สุดถึง 8,750 คน โดยมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยรวม 5 ราย ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ บางกล่ำ สะบ้าย้อย นาทวี และสิงหนคร
...
โดยมีการรองรับผู้ประสบภัยภายในศูนย์พักพิงชั่วคราว ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มหาวิทยาลัยทักษิณ โรงเรียนเทศบาล 4 คลองเรียน สถาบันทักษิณคดีศึกษา สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11 และศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ รวมผู้พักพิงแล้ว กว่า 8,750 คน
หน่วยงานทหาร พลเรือน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ส่งกำลังสนับสนุนรวมใหญ่ที่สุดของปีนี้ ประกอบด้วยรถยกสูง 83 คัน, เครื่องสูบน้ำ 86 เครื่อง, เรือท้องแบน 44 ลำ, เรือยาง 21 ลำ, รถบรรทุกขนาดใหญ่ 74 คัน, รถสะเทินน้ำสะเทินบก 2 คัน และเฮลิคอปเตอร์ 7 ลำ สำหรับภารกิจช่วยเหลือและลำเลียงผู้ป่วย ผู้ติดค้างในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงแจกจ่ายข้าวกล่องแล้ว 121,439 กล่อง น้ำดื่ม 112,310 ชุด ถุงยังชีพ 35,433 ชุด และยารักษาโรค 12,833 ชุด พร้อมทั้งการจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน 1 แห่ง และโรงครัวสนามทหารร่วม ปภ. อีก 5 ครัว ที่มณฑลทหารบกที่ 42 สำหรับผลิตอาหารวันละหลายพันชุดเพื่อส่งต่อถึงประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำและพื้นที่ตัดขาด
ขณะที่ รัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน และยกระดับภัยพิบัติเป็น ระดับสูงสุด (ระดับ 4) โดยมอบหมายให้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทำหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพื่อบูรณาการกำลังจากทุกเหล่าทัพและทุกหน่วยทั่วประเทศ เข้าช่วยเหลือจังหวัดสงขลาอย่างเร่งด่วนที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้ เช่น ในตัวเมืองสงขลา ตัวเมืองสะเดา ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา และอีกหลายพื้นที่ต่างก็ประสบปัญหาเรื่องของการขาดแคลนอาหาร ข้าวสาร และวัตถุดิบในการประกอบอาหาร ซึ่งระบบโลจิสติกสามารถกระจายสินค้ามาเติมในร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ได้ รวมทั้งร้านค้าในชุมชน อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 วันกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ