เสียชีวิตแล้ว หญิงวัย 62 ปี เหยื่อ "ดาบตำรวจ" เมาซิ่งเก๋งชนรถชาวบ้าน 3 คันรวด ผกก.สภ.ทุ่งสง เผยเตรียมทำเรื่องให้ออกจากราชการ พร้อมแจ้ง 4 ข้อหาหนัก

จากกรณีเกิดอุบัติเหตุที่ นครศรีธรรมราช  "ดาบตำรวจ" เมาแล้วขับเก๋ง ชนรถชาวบ้าน 3 คันรวด ส่งผลหญิงวัย 62 ปี บาดเจ็บสาหัส ซึ่งต่อมาทาง ผู้การฯ นครศรีธรรมราช ได้สั่งตั้งกรรมการสอบ โดยยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยคนผิด พร้อมดำเนินคดีทางวินัยและอาญา ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (ไม่ปกป้องคนผิด ผู้การเมืองคอนสั่งตั้งกรรมการสอบ "ดาบตำรวจ" เมาขับชน 3 คันซ้อน)

ล่าสุด เมื่อบ่ายวันนี้ (16 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า นางพรทิพย์ หรือ ตั้ง ชลวิจิตร อายุ 62 ปี ผู้บาดเจ็บรายดังกล่าว ได้เสียชีวิตลงแล้วที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช โดยญาติกำลังรับศพกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

ด้าน นางสุจินดา ไชยน้อง อายุ 44 ปี แม่ค้าขายน้ำกะทิ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่เห็นเหตุการณ์ รถเก๋งดาบตำรวจพุ่งชน จยย. ผู้เสียชีวิต โดยเผยว่า ขณะนั้นนางพรทิพย์ หรือ ตั้ง ผู้เสียชีวิต ซึ่งมีอาชีพเลี้ยงวัวและเลี้ยงหมู กำลังขี่รถ จยย. กลับจากเอาน้ำไปให้วัวที่คอกวัว ขณะขี่รถ จยย. จะกลับบ้านมาตามถนนสายดังกล่าว ก็มีรถเก๋งคันที่ชน ขับตามหลังมาและพุ่งชนเข้าทางด้านหลังอย่างจัง จนร่างกระเด็นเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่ รพ. ตอนชนเห็นคาตา ร่างของนางพรทิพย์ลอยกระเด็นมาบนหลังรถเก๋ง และหล่นมากระแทกพื้นถนนอย่างจัง ตอนแรกไม่นึกว่าเป็นนางพรทิพย์ แต่พอวิ่งออกไปดูพบว่าเป็นนางพรทิพย์ซึ่งเป็นญาติกัน จึงช่วยกันรีบนำส่ง รพ. จนกระทั่งมาทราบว่าเสียชีวิตแล้วเมื่อบ่ายวันนี้

...

ด้าน นายชาญณรงค์ วัชรศิริ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมิตรภาพทุ่งสง ที่นำร่างนางพรทิพย์ ส่ง รพ.ได้เล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนยืนอยู่ริมถนน ได้เห็นเหตุการณ์พอดี ขณะที่คุณยายขี่รถ จยย.มาถนนตามปกติแล้วเห็นรถเก๋งคันดังกล่าว ขับตามหลังมาอย่างรวดเร็วได้พุ่งชนท้ายรถ จยย. ของคุณยายอย่างแรง ทำให้ร่างลอยกระเด็นตกบนหลังคา และกระเด็นตกลงบนถนนทำให้บาดเจ็บ และเสียชีวิตเวลาต่อมา

ส่วนเก๋งคันดังกล่าวหลังชนท้ายรถ จยย. ของยาย ก็หนีไป ขับไปชนรถเก๋งอีกคันจนหมดฤทธิ์ และถูกชาวบ้านช่วยกันจับตำรวจคนขับซึ่งเมาสุราไว้ได้ เนื่องจากคนขับกำลังพยายามหลบหนี ส่วนยายคนเจ็บตนก็รีบนำส่ง รพ.ทุ่งสง เนื่องจากมีอาการสาหัสไม่ได้สติ จนล่าสุดมาทราบเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งก็แสดงความเสียใจด้วยเนื่องจากพยายามช่วยเหลือชีวิตอย่างเต็มที่แล้ว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับคลิปจากกล้องวงจรปิด นาทีรถยนต์เก๋งของ ด.ต.วิชาญ ขับพุ่งชนรถ จยย.ของนางพรทิพย์ ขณะขี่รถจยย.ไปตามถนนสายเสริมชาติ และมีคลิปภาพกล้องหน้ารถคันหนึ่ง ที่บันทึกภาพรถเก๋งของ ด.ต.วิชาญ ขับส่ายไปส่ายมาบนถนนได้อย่างชัดเจน ก่อนไปก่อเหตุชนรถ จยย.นางพรทิพย์ จนเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดี

ด้าน พ.ต.อ.ธีระวุฒิ เทพเลื่อน ผกก.สภ.ทุ่งสง เผยว่าขณะนี้ทางตำรวจ สภ.ทุ่งสง เตรียมดำเนินการให้ ด.ต.วิชาญ ออกจากราชการตำรวจไว้ก่อน แม้จะยังได้รับบาดเจ็บนอนรักษาที่ รพ.ทุ่งสง ก็ตาม เนื่องจากพฤติกรรมกระทำผิดชัดเจน โดยจะรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการอีกครั้ง

และเตรียมแจ้ง 4 ข้อหาหนักแก่ ด.ต.วิชาญอีกด้วย คือ 1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2. ขับขี่รถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 3. ขับรถหลบหนี และ 4. ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย (ประมาท - หวาดเสียว)

ต่อมา เมื่อเวลา 16.25 น.วันเดียวกัน มีรายงานว่า ศพของนางพรทิพย์ ได้ถูกนำมาถึงบ้านพักแล้ว ท่ามกลางความเสียใจของญาติๆ.