อาการพ้นขั้นวิกฤติ "ด.ต. จี้ชิงทองแม่ค้าไส้กรอก" ปาดคอตัวเองหนีผิดระหว่างถูกตามจับกุม ผู้การฯ ตรัง เผย กำลังรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้อ เตรียมขอหมายฝากขังศาล

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน สภ.นาโยง สนธิกำลังร่วมกับ ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ตรัง ตร.กองปราบฯ ปราม (ชป.ตรัง) กว่า 10 นาย นำหมายจับศาล จ.ตรัง ที่ 171/2568 ลงวันที่ 7 พ.ค.68 เข้าจับกุมตัว ด.ต.ธีรยุทธ หรือ จ่ามืด อายุ 46 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป.สภ.หาดสำราญ หลังก่อคดีใช้ปืนจี้แม่ค้าไส้กรอก ชิงทองหนัก 2 บาท พร้อมจี้พระเกจิดัง

โดยเข้าไปแสดงตัวจับกุมขณะที่ ด.ต.ธีรยุทธ กำลังปฏิบัติหน้าที่ ปรากฏว่า ด.ต.ธีรยุทธ มีอาการตกใจ ได้วิ่งไปบริเวณหน้าห้องวิทยุสื่อสารบนโรงพัก คว้าอาวุธมีดที่วางอยู่บนโต๊ะทานข้าวปาดคอทำร้ายตัวเองบริเวณลำคอได้รับบาดเจ็บ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (ระทึก ด.ต.คว้ามีดปาดคอหนีผิด ขณะถูกบุกจับกุม หลังจี้ชิงทองแม่ค้าไส้กรอก)

ความคืบหน้า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 8 พ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณร้านขายไส้กรอกอีสาน บริเวณบ้านป่ายาง ริมถนนนาโยง-ย่านตาขาว พื้นที่ หมู่ 4 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง ของ น.ส.พรพิมล (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้เสียหาย พบว่าในวันนี้ร้านยังปิดให้บริการ ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์แต่ไม่สามารถติดต่อผู้เสียหายได้ เนื่องจากยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันจากการสอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าวทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงบ่ายได้สังเกตเห็นชายสวมหมวกกันน็อกเต็มใบขับขี่ จยย. วนดูรอบที่เกิดเหตุ ก่อนอาศัยจังหวะชิงทองดังกล่าวโดยที่ไม่มีเสียงโวยวายแต่อย่างใด

ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ บก.ภ.จว.ตรัง ผู้สื่อข่าวได้ไปติดตามความคืบหน้าคดีกับ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเหตุชิงสร้อยคอทองคำในพื้นที่ สภ.นาโยง ทางการสืบสวนตนได้รับรายงานมาโดยตลอด กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ตั้งแต่ก่อนและหลังเกิดเหตุ สามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้อย่างชัดเจน และมีการสืบสวนอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้ผู้ก่อเหตุได้รู้ตัว หลังศาลอนุมัติออกหมายจับมาผู้ก่อเหตุคงตกใจ เลยก่อเหตุคิดสั้นเพื่อหนีความผิด

...

พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้อาการของ ด.ต.ธีรยุทธ อายุ 46 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป.สภ.หาดสำราญ พ้นขั้นวิกฤติแล้วรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้อของ รพ.ตรัง ยังไม่สามารถที่จะให้การได้ มีการจัดกำลัง ตร.สภ.เมืองตรัง เฝ้าเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง ตนเองไม่รู้จักกับ ด.ต.ผู้ก่อเหตุเป็นการส่วนตัว แต่ระยะหลังตนได้รับรายงานมาว่า มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ส่วนการดำเนินคดีตอนนี้อยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงานแล้ว แต่ผู้ต้องหามีอาการบาดเจ็บ จึงยังไม่สามารถฝากขังต่อศาล ในวันพรุ่งนี้จะไปขอหมายขังที่ศาลจังหวัดตรัง การทำสำนวนการรวบรวมพยานหลักฐานก็ทำตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งทำอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการละเว้นถึงแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนบทลงโทษทางวินัยเมื่อต้องหาคดีอาญา เจ้าหน้าที่ ตร.กระทำความผิดเสียเองถือเป็นการทำผิดวินัยร้ายแรง มีโทษปลดออกหรือไล่ออก

ที่ผ่านมา ทางตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ก็มีการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาตามสายงาน รวมถึงควบคุมความประพฤติ การอบรมอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ซึ่งจากเหตุการณ์นี้เป็นความผิดส่วนบุคคล เป็นปัญหาส่วนตัวทั้งด้านการเงินหรือปัญหาอะไรต่างๆ ตรงนี้ต้องไปตรวจสอบรายละเอียดอีกทีว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ถึงได้มาก่อเหตุดังกล่าว แต่โดยภาพรวมตำรวจภูธรจังหวัดตรังยังคงมีระเบียบวินัย มีตำรวจเพียงน้อยนิดที่มากระทำความผิด

ส่วนการสุ่มตรวจสารเสพติดของตำรวจก็มีการทำมาโดยตลอดตามมาตรการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องปลอดยาเสพติด อาจมีส่วนน้อยที่เป็นเนื้อร้าย ทางเราก็ต้องตัดออกเพื่อรักษาอวัยวะส่วนใหญ่ไว้ อยากให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน ภายใต้บังคับบัญชาของผู้บังคับบัญชายุคปัจจุบัน เชื่อมั่นได้เลยว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ขอให้ประชาชนไว้ใจการทำงานของตำรวจ.