ครอบครัวรับไม่ได้ แจ้งความเอาผิดครูศูนย์เด็กเล็ก หลังเห็นคลิปใช้เท้าเหยียบคอ ด.ช. วัย 4 ขวบ ยันจะเอาเรื่องถึงที่สุด ด้านนายอำเภอเผย ได้ประสานนายก อบต. สอบข้อเท็จจริงแล้ว

วันที่ 1 มีนาคม 2568 จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล ขณะที่นักเรียนกำลังยืนแถว มีนักเรียนชายคนหนึ่งวิ่งออกมา แล้วชนกับเพื่อนอีกคนจนล้มลงไปนอนกับพื้น ต่อมาปรากฏภาพของครูผู้หญิงคนหนึ่ง เดินเข้าไปใช้เท้าเหยียบเด็กชายที่ล้มลง เมื่อเด็กลุกขึ้นนั่ง ครูคนดังกล่าวก็ได้ใช้มือตบตรงศีรษะเด็กไปอีก 1 ครั้ง จนกระทั่งมีผู้หญิงเสื้อสีดำ เดินเข้ามาประคองเด็กให้ลุกขึ้น ซึ่งหลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก

ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไปยังเจ้าของคลิป ซึ่งได้ทราบว่าเป็นแม่ของเด็กชายผู้ถูกกระทำ ให้ข้อมูลว่า ตนแยกทางกับพ่อเด็ก เรื่องข้อมูลที่เกิดขึ้นให้ไปสอบถามที่พ่อของเด็กก่อน ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.ทุ่งบุหลัง อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล ซึ่งเป็นบ้านของพ่อเด็ก แต่ไม่พบเนื่องจากพ่อออกทะเลทำประมง แต่มีโอกาสได้พูดคุยกับ นางดวงดาว กึกก้อง ยายของเด็ก เล่าว่า คลิปดังกล่าว หลานชายของตนเป็นเด็กในคลิปจริง

...

โดยพ่อของเด็กได้คลิปมาจากผู้หวังดี หลังจากครอบครัวได้เห็นคลิป ก็รู้สึกหดหู่ใจและเสียใจมาก นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่กระทำดังกล่าวเป็นครูในศูนย์ที่นั่น จากการตรวจสอบคลิป เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม ปี 2567 ซึ่งใกล้จะครบปีแล้ว ขณะนั้นหลานชายตัวเอง อายุ 4 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1 แต่ตนและครอบครัวเพิ่งได้เห็นเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ปีนี้

ตอนนี้หลานอยู่ชั้นอนุบาล 2 แล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินเรื่องราวว่าครูในศูนย์ดังกล่าวทำร้ายเด็กเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกับหลานตัวเอง หลังจากได้เห็นคลิป ก็ได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ทุ่งหว้า และได้เดินทางเข้าร้องทุกข์กับนายก อบต.ทุ่งบุหลัง โดยนายกฯ ได้รับทราบเรื่องแล้ว พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อสอบสวนหาความจริง และสาเหตุที่เกิดขึ้น

ยายของเด็กเล่าต่อว่า พอนึกย้อนไปแม้จะปีกว่าแล้ว แต่ก็จำได้ว่าหลานเคยมาบอกว่าเจ็บคอ โดนเหยียบที่คอ ไม่อยากไปโรงเรียน แต่ทางพ่อและญาติก็คิดว่าคงจะซุกซน และทะเลาะกับเพื่อนตามประสาเด็กซน ก็เลยไม่ถามอะไร หลังจากมีคลิปหลุดไป ทางฝั่งผู้ก่อเหตุก็ติดต่อผ่านคนอื่นมาเพื่อจะมาที่บ้าน แต่ทางพ่อเด็กและญาติๆ ไม่อนุญาต และไม่ขอพูดคุยเจรจาใดๆ เพราะถือว่าการกระทำดังกล่าวมันรุนแรงเกินไป จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ต่อมา นายกริชชัย ภู่ฉุน นายอำเภอทุ่งหว้า ได้เดินทางมายังบ้านของเด็กชายดังกล่าว เพื่อเยี่ยมเยียนและติดตามสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่ตนเองได้รับทราบข้อมูล ก็ได้ติดต่อพูดคุยกับนายก อบต.ทุ่งบุหลัง ในเรื่องของการดำเนินการทางโทษ ส่วนแรกที่จะต้องดำเนินการกับผู้ที่ปฏิบัติในคลิป คือด้านวินัย โดยนายกก็ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อสอบสวนเอาผิดทางวินัย โดยระหว่างการสอบสวน จะทำหนังสือไปยังต้นสังกัด เพื่อพิจารณาส่งเจ้าหน้าที่ที่ก่อเหตุ ออกนอกพื้นที่ไปก่อน เพื่อไม่ให้มายุ่งกับการสอบสวน

ในส่วนที่ 2 ทราบว่าทางผู้เสียหายได้เข้าไปแจ้งความไว้แล้ว ทางตนเองได้พูดคุยกับทางผู้กำกับการ สภ.ทุ่งหว้า เพื่อสอบสวนในด้านทางอาญา เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ซึ่งทางตำรวจจะเร่งสอบสวนสืบสวนให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายต่อไป

ในส่วนที่ 3 เรื่องการเยียวยาผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเด็กชายอายุแค่ 5 ขวบ ทางตนเองจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาประเมิน เรื่องของผลกระทบทางด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

อย่างไรก็ตาม ทางนายอำเภอยังฝากขอบคุณโลกโซเชียลที่ได้แชร์เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้นำมาสู่การช่วยเหลือและนำไปสู่การแก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวธัญญมาศ (สงวนนามสกุล) แม่ของเด็ก ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองกับพ่อเด็กเลิกรากันตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยตกลงกันว่าพ่อจะเป็นผู้ดูแลลูก แต่ตนก็จะไปรับลูกมาอยู่ด้วยทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์

ส่วนคลิปที่ตนโพสต์ลงโซเชียล พ่อเด็กเป็นคนส่งมาให้ เมื่อได้เห็นถึงกับน้ำตาไหล ไม่นึกว่าโรงเรียนซึ่งเป็นที่คิดว่าปลอดภัยที่สุดที่ผู้ปกครองทุกคนให้ความไว้ใจ กลับมีการกระทำที่โหดร้ายเช่นนี้ จากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นครู ทำให้รู้สึกว่าลูกไม่ปลอดภัย ก่อนหน้านี้ลูกก็เคยเล่าให้ฟังว่า คุณครูคนดังกล่าวเหยียบคอ แต่ตนก็ไม่เชื่อคิดว่าเป็นข้ออ้างของเด็กที่ไม่อยากไปโรงเรียน แต่พอเห็นคลิปตนเองเสียใจมาก อย่างไรก็มอบหน้าที่ให้ทางพ่อของลูกดำเนินการก่อน แต่ตนเองก็ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเช่นกัน เพราะไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้กับเด็กๆ คนไหนอีก.

...