น้ำในแม่น้ำปัตตานี เอ่อล้นไหลเข้าท่วมตัวเมืองปัตตานี ถนน หมู่บ้านจมน้ำ ร้านค้าต้องเอากระสอบทรายกั้นหน้าร้าน กันคลื่นน้ำจากรถซัดเข้าร้าน เผยเป็นอุทกภัยหนักสุดในรอบ 9 ปี เนื่องจากมวลน้ำที่มาจาก จ.ยะลามีปริมาณมากระบายไม่ทัน 

วันที่ 29 ธ.ค. 2566 สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปัตตานียังคงวิกฤติ มวลน้ำจากตอนบนจังหวัดยะลายังคงไหลมาลงแม่น้ำปัตตานีต่อเนื่องก่อนระบายลงสู่ทะเล ซึ่งระดับน้ำในแม่น้ำยังคงสูงขึ้น ส่งผลให้อำเภอที่ติดกับริมแม่น้ำปัตตานีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมขยายวงกว้าง ได้รับผลกระทบหนัก ถือว่าหนักสุดในรอบ 9 ปี


ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีบ้านเรือนอาศัยติดกับริมแม่น้ำ ได้รับผลกระทบหลายจุด โดยเฉพาะ ต.จะบังติกอ น้ำท่วมสูง 60-70 ซม. ถนนจมอยู่ใต้น้ำ เจ้าหน้าที่ต้องนำแผงกั้นมาปิดเส้นทางชั่วคราว มีเพียงเส้นทางเดียวที่สามารถใช้ได้คือเส้นทาง ถนนยะรังหน้ามัสยิดกลางปัตตานี เช่นเดียวกับถนนจะบังติกอ เส้นไปยังตลาดท้ายมีท่วมน้ำสูง 40 ซม. และถนนสะบารังมีท่วมท่วมสูง 30 ซม. เจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทาง ห้ามรถทุกชนิดผ่าน


นอกจากนี้ ถนนพิพิธ ซึ่งเป็นยานเศรษฐกิจน้ำท่วมสูงกว่า 30 ซม. ร้านค้าต่างๆ ที่อยู่ทั้งสองฝั่งถนนได้นำกระสอบทรายนำมากั้นน้ำบริเวณหน้าร้าน เนื่องจากมีความกังวลระดับจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ประกอบกับป้องกันไม่ให้รถพัดน้ำเข้ามาในร้าน อีกเส้นทางที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก คือ ถนนหนองจิก ตั้งแต่ 4 แยกดอนรัก ห้างบิ๊กซี จนถึงซุ่มประเมืองปัตตานีระยะทาง 3 กิโลเมตรมีน้ำท่วมสูง โดยฝั่งขาออกเทศบาลเมืองปัตตานีมีท่วมสูง 30-40 ซม. รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ต้องใช้เลนเดียวในการสัญจรคือฝั่งขาเข้าเทศบาลเมืองปัตตานี เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมากั้นทางน้ำใต้ซุ้มประตูเมืองเพื่อไม่ให้น้ำทะลักเข้าสู่ถนนเจริญประดิษฐ์ บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา ซึ่งหากน้ำทะลักเข้ามาก็จะส่งผลกระทบร้านค้าอีกจำนวนมาก โดยในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีขณะนี้มีร้านค้าต่างๆ ได้รับผลกระทบหลายร้อยร้าน นอกจากนี้พื้นที่ ต.รูสะมิแล เขตอำเภอเมือง หลายหมู่บ้าน น้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนหลายร้อยหลัง เนื่องจากการระบายน้ำไม่สามารถระบายน้ำออกได้ และเป็นพื้นที่ไม่มีทางไหลของน้ำ

...

ทั้งนี้ เทศบาลเมืองปัตตานีได้ประกาศเสียงตามสายให้พี่น้องประชาชนอาศัยติดริมแม่น้ำเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากบ้านใดอยู่ในเกณฑ์ท่วมสูงมิดหัวให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อทำการอพยพทันที ซึ่งขณะนี้ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี มีเครื่องสูบน้ำตั้งทุกจุดเพื่อให้น้ำในท่อระบายอย่างคล่องตัว ที่ผ่านมาเทศบาลเมืองมีการป้องกันอยู่ตลอดเพื่อผลให้เกิดกระทบน้อยสุด แต่เนื่องด้วยมีมวลน้ำมาก ทำให้การระบายน้ำค่อนข้างช้า

ส่วนจ.ยะลา ปภ.ยะลา รายงานสถานการณ์อุทกภัยประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2566 สรุปสถานการณ์ห้วงวันที่ 22-28 ธันวาคม 2566 จังหวัดยะลามีพื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 7 อำเภอ ยกเว้นอำเภอเบตง 52 ตำบล 300 หมู่บ้าน 24 ชุมชน โดยสถานการณ์คลี่คลายแล้ว จำนวน 5 อำเภอ 43 ตำบล 272 หมู่บ้าน 22 ชุมชน และยังไม่คลี่คลาย จำนวน  2 อำเภอ 9  ตำบล  28 หมู่บ้าน 2 ชุมชน คือที่ อำเภอเมืองยะลา,อำเภอรามัน มีผู้ได้รับผลกระทบ 21,185 ครัวเรือน ประชาชนเดือดร้อน 80,710 คน และเสียชีวิต 4 รายอพยพ 704 ครัวเรือน 3,038 คน ยังคงเหลือ 340 ครัวเรือน 1,323 คน ด้านความเสียหายพื้นที่ทางการเกษตร  7,945 ไร่ ประมง 66.615 ไร่ กระชัง 2,175 ตรม.และปศุสัตว์ 306,080 ตัว ถนน 18 สาย คอสะพาน 5 แห่ง และเสาไฟฟ้า 55 ต้น  โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 11 แห่ง สำนักงานสาธารณสุขอำเภอกรงปินัง 1 แห่ง และโรงเรียน  171  แห่ง มัสยิด 68 แห่ง วัด 5 แห่ง และศาลเจ้า 3 แห่งสถานศึกษาได้รับผลกระทบ จำนวน 171 แห่ง ปิดการเรียนการสอนวันที่ 25-28 ธันวาคม 2566 จำนวน 168 แห่งขณะที่ การให้ความช่วยเหลือ อำเภอ ทหาร ตำรวจ ผู้นำชุมชน จิตอาสา ชุดปฏิบัติการพิเศษทางน้ำฉลามภัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นการเบื้องต้น และสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และอพยพไปยังศูนย์พักพิงในพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ให้ความช่วยเหลือดูแลเป็นการเบื้องต้นแล้ว 

ปัจจุบันฝนในพื้นที่หยุดตก และระดับน้ำแม่น้ำปัตตานี อำเภอเมืองยะลา แม่น้ำสายบุรี อำเภอรามันและคลองยะหา อำเภอยะหา ลดระดับลง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป