มวลน้ำจากฝนตกหนักต่อเนื่องใน จ.นราธิวาส ทะลักท่วมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ผบ.ฉก.นราธิวาส ลุยน้ำเองช่วยอพยพชาวระแงะ ที่มีปริมาณน้ำฝนถึง 631.2 มม. มากเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ ต.ลำภู อ.เมือง ชาวบ้านตกใจกับมวลน้ำปริมาณมหาศาล บอก 50 ปีที่เกิดมาไม่เคยเห็นน้ำมามากขนาดนี้ 

วันที่ 25 ธ.ค. รายงานสถานการณ์น้ำท่วมนราธิวาส ล่าสุดปริมาณน้ำท่วมขังพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนของประชาชน ค่อยๆ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ โดยเฉพาะอำเภอระแงะ มีปริมาณฝนตกหนักสุดของ จ.นราธิวาส วัดได้ 631.2 มม. รองลงมาคือ อ.ยี่งอ วัดได้ 495.2 มม. อันดับที่ 3 อ.รือเสาะ วัดได้ 447.4 มม. ซึ่งถือว่าตกหนักที่สุดมากเป็นประวัติการณ์ ส่วนพื้นที่อำเภออื่นๆ มีปริมาณน้ำฝนวัดได้เฉลี่ยกว่า 200 ถึง 300 มม. 

ส่วนพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังหนักที่สุดเป็นอำเภอที่มีลำคลองต่อเชื่อมกับแม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย คือ อ.ระแงะ รือเสาะ แว้ง และสุไหงโก-ลก จากผลพวงของปริมาณน้ำที่ค่อยๆ ระบายลงสู่แม่น้ำสายหลัก เพื่อระบายลงสู่ทะเลด้านปากอ่าวของพื้นที่ อ.เมืองนราธิวาส และตากใบ 

ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นราธิวาส ได้รับรายงานสภาวะน้ำท่วมขังในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ  48 ตำบล 240 หมู่บ้าน 23 ชุมชน มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 40,000 คน โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาทั้ง 3 เขต รวม 11 โรง ต้องประกาศปิดการเรียนการสอนฉุกเฉิน 

...

พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 45 ลุยน้ำท่วมขังที่กระแสน้ำไหลเชี่ยว และมีระดับสูงโดยเฉลี่ย 1 เมตร พร้อมเรือและอุปกรณ์ ฝ่ากระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากเข้าไปให้การช่วยเหลืออพยพชาวบ้าน ที่หมู่บ้านไทย ม.3 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ เนื่องจากหมู่บ้านดังกล่าวถือว่าอยู่ในที่ลุ่มต่ำ มีสภาวะน้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากผลพวงของคลองตันหยงมัส ที่มวลน้ำกำลังระบายลงสู่แม่น้ำบางนรา ซึ่งการลงพื้นที่ของ พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียน ผบ.ฉก.นราธิวาส ในครั้งนี้ ทราบว่า การให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย เจ้าหน้าที่มียุทโธปกรณ์ไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลืออพยพชาวบ้าน อาทิ เรือติดเครื่องยนต์ที่มีความจำเป็นต้องขับฝ่ากระแสน้ำเข้าไป จึงได้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อขอสนับสนุน

 

ขณะที่ในพื้นที่ ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ยังคงมีมวลน้ำไหลเข้าท่วมสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ช่วงเช้า ประชาชนต่างช่วยเหลือขนย้ายข้าวของกันเอง โดยน้ำเริ่มขึ้นตั้งแต่ 09.00 น. ของวันนี้ และเพิ่มอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ทหารเรือจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ได้เดินทางมาพร้อมเรือท้องแบนเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ดำเนินการด้วยความยากลำบาก เนื่องจากกระแสน้ำแรงและเชี่ยว ไม่สามารถนำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือขนย้ายผู้สูงอายุและเด็กได้ 


นอกจากนี้ ในพื้นที่กระแสน้ำได้ส่งผลให้เสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่น เจ้าหน้าที่ต้องรีบตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย พร้อมส่งทีมช่างมาดำเนินการซ่อม โดยเหตุอุทกภัยในครั้งนี้สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนของประชาชนอย่างมาก โดยชาวลำภู กล่าวว่า ไม่เคยพบเห็นน้ำมากขนาดนี้ตั้งแต่เกิดมากว่า 50 ปี ทั้งมวลน้ำ กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว และความเร็ว ส่วนใหญ่ไม่ทันตั้งตัว