นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ เชื่อ “บิ๊กโจ๊กจับนายแป้งได้” หากได้รับมอบหมายตั้งแต่แรก พร้อมแนะนำให้มอบตัว เพราะเรื่องแบบนี้รัฐจะไม่ยอมแพ้ ตำรวจจะล่าไม่เลิก และต้องสร้างขวัญกำลังใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานปราบปรามยาเสพติด
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป. และอดีต รมว.วัฒนธรรม เผยว่า การที่ตนได้เขียนในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าคดีนี้ตนคิดถึง “บิ๊กโจ๊ก” นั้น เพราะตนเชื่อมั่นว่าหากบิ๊กโจ๊กได้ทำงานนี้ (ล่าเสี่ยแป้ง) ตั้งแต่วันแรก ตนมั่นใจสูงว่าท่านคงคลี่คลายคดีเสี่ยแป้ง เนื่องจาก (1) “บิ๊กโจ๊ก” มีเครือข่ายในภาคใต้ค่อนข้างเยอะ (2) “บิ๊กโจ๊ก” รู้จักสมรภูมิในพื้นที่ภาคใต้เป็นอย่างดี (3) ตนมั่นใจว่าตำรวจยังให้ความร่วมมือกับท่านอยู่ แต่เมื่อเขาไม่ได้เข้ามาร่วมคลี่คลายคดีดังกล่าว และระยะเวลาเนิ่นนานออกไป จะทำให้การจับกุมตัวคนร้ายมันยากขึ้น หลายๆ คนจึงพูดคุยกันว่าหาก “บิ๊กโจ๊ก” ทำเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นเรื่องก็จะจบแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงนายแป้งจะหลบหนีหรือจะเข้ามอบตัว นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับนายแป้งจะรู้ความจริงตลอดหรือเปล่า โดยเฉพาะคนที่ใกล้ชิด กุนซือ หรือทีมกฎหมายของนายแป้ง ว่าจะให้คำแนะนำนายแป้งว่าอย่างไร จะให้หนีต่อหรือเข้ามอบตัว แต่ความยากจะเป็นคนที่จะให้ข้อมูลกับนายแป้งที่ไม่ได้พูดคุยกับนายแป้งตัวต่อตัว ซึ่งตนคิดว่ามีการพูดคุยกันผ่านคนกลางเท่านั้น เมื่อเขาห่างข้อเท็จจริงและไม่มีความรู้ข้อกฎหมายอย่างเพียงพอ ตนจึงคิดว่ากุนซือของนายแป้งจะไม่แนะนำให้นายแป้งมอบตัว แต่หากตนเป็นกุนซือของนายแป้ง ตนจะแนะนำให้นายแป้งเข้ามอบตัว เนื่องจากความเป็นจริงรัฐคงไม่ยอมให้คนร้ายหลบหนีโดยที่จับไม่ได้
...
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ให้ดูอย่างนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศที่ไม่มีใครจับเขาได้ เขายังเข้ามามอบตัว ก็ต้องยอมรับว่านายแป้งมีความลำบากอยู่อย่างหนึ่งก็คือด้านภาษา ไม่ว่าเขาจะหลบหนีไปยังประเทศใด เขาคงสื่อสารได้เฉพาะภาษาไทยเท่านั้น ส่วนวัฒนธรรมก็ต่างกัน โดยเฉพาะประเทศมุสลิมตามที่หลายๆ คนพูดกันว่านายแป้งหลบหนีไปอยู่ที่นั่น และสามารถสังเกตได้ง่ายว่าเขามิได้เป็นคนของประเทศนั้น ซึ่งรัฐไทยก็จะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน สิ่งที่ดีที่สุดก็คือนายแป้งจะต้องไม่หนีไปโดยตลอด และต้องเข้ามามอบตัวโดยระบุวันเวลาการมอบตัวที่ชัดเจน และต้องมาคนเดียวโดยไม่ต้องมีผู้ติดตาม และให้คนติดตามเรื่องที่นายแป้งเรียกร้องกันต่อไป
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ในขณะนี้บุตรหลานของชาวพัทลุงติดยาเสพติดเยอะมาก ซึ่งในความเป็นจริงหน่วยงานด้านยาเสพติด ตำรวจ ก็ต้องทราบและยอมรับความจริงกันว่ายาเสพติดใน จ.พัทลุง มีมากมายมหาศาล โดยมีการกล่าวกันว่า จ.พัทลุง เป็นจุดพักยาเสพติดก่อนที่จะส่งไปยังจังหวัดใกล้เคียง และภาคใต้ตอนล่าง จ.พัทลุง มีปัญหายาเสพติดมากๆ ทั้งๆ ที่เรามีนายตำรวจน้ำดีที่ได้มุ่งมั่นป้องกันปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมอย่าง พ.ต.ท.วิรัตน์ จีนเมือง ที่มีสถิติการจับกุมมากที่สุดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ แต่คนทำงานก็ไม่สามารถต่อสู้กับกระบวนการยาเสพติดได้ ตนจึงต้องส่งเสียงเรียกร้องไปยังหน่วยงานยาเสพติด ตำรวจ อย่าได้ให้ตำรวจที่เขาทำงานดีต้องขาดขวัญและกำลังใจ เพราะจะทำให้ยาเสพติดใน จ.พัทลุง และจังหวัดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
สำหรับตนนั้นไม่รู้จักกับ พ.ต.ท.วิรัตน์ เป็นการส่วนตัว แต่ในฐานะที่เป็นคนพัทลุงก็รู้ว่าเขาทำงานดี คนแบบนี้จึงต้องให้กำลังใจและต้องสนับสนุนให้เขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หาก พ.ต.ท.วิรัตน์ โดนย้ายจะทำอย่างไร นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า แบบนี้ก็ตัวใครตัวมัน เนื่องจากคนที่จะไปปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังมันหายาก และคงไม่มีใครทำเรื่องนี้อย่างจริงจังเพราะเกรงกลัวอิทธิพลของขบวนการค้ายาเสพติด นายนิพิฏฐ์ กล่าวในที่สุด.