โชเฟอร์รถตู้หัวร้อน บึ่งเข้าพบ พงส.เมืองภูเก็ต รับทราบข้อหาข่มขู่นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์แล้ว หลังคลิปดังกล่าวถูกแชร์ไปจำนวนมาก ตำรวจนำตัวส่งฟ้องศาลแขวง ข้อหาข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว

จากกรณีมีคลิปคนขับรถตู้ถือเหล็กแป๊บปรี่เข้าไปจะทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่หน้าร้านกาแฟ ริมถนนรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบกันอย่างกว้างขวาง เบื้องต้นคาดว่าไม่ใช่รถตู้ใน จ.ภูเก็ต ซึ่งอาจมาส่งนักท่องเที่ยวจากจังหวัดอื่น สร้างความเสื่อมเสียให้กับรถบริการสาธารณะในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเป็นอย่างมาก

ต่อมาเมื่อเวลา 01.05 น.วันที่ 3 ก.ค.66 ที่ สภ.เมืองภูเก็ต นายฟาริส บิน อับดุลคาเดีย บาชาราเฮล อายุ 35 ปี นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ที่ปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าวได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.ไกรสร ภาคอารีย์ สว.(สอบสวน) เพื่อให้ดำเนินคดีกับคนขับรถตู้ที่ก่อเหตุข่มขู่ ทำให้เกิดความกลัวหรือตกใจ โดยได้เล่าว่า ได้โดยสารรถตู้คันดังกล่าวมาจาก จ.กระบี่ เพื่อมายัง จ.ภูเก็ต และเมื่อมาถึงได้ให้คนขับรถตู้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายปารเมศ ซึ่งขับรถตู้หมายเลขทะเบียน 30-1813 กระบี่ไปส่งที่โรงแรมแกรนด์สุพิฌชา ใกล้เทศบาลนครภูเก็ต แต่พนักงานขับรถปฏิเสธ และต้องการให้จ่ายค่าโดยสารเพิ่มอีก 100 บาท แต่นายฟาริสไม่ยินยอมที่จะจ่าย พนักงานขับรถจึงได้ไปส่งนายฟาริสบริเวณที่หยุดรถประจำทาง ใกล้กับร้านกาแฟคอฟฟี่ทอร์ค ถ.รัษฎา จากนั้นพนักงานขับรถก็แสดงความไม่พอใจและโต้เถียงกับนายฟาริส แล้วได้นำกระเป๋าเดินทางของนายฟาริสลงจากรถจำนวน 2 ใบ ซึ่งเป็นใบขนาดเล็ก 1 ใบ และขนาดใหญ่อีก 1 ใบ โดยได้โยนกระเป๋าเดินทางของนายฟาริสลงกับพื้นด้วยความไม่พอใจ จากนั้นคนขับรถโวยวายแล้วเดินไปหยิบแท่งโลหะคล้ายเหล็กเดินเข้ามาหานายฟาริส ทำท่าคล้ายจะตีนายฟาริสบริเวณบ่า แต่ไม่ได้ตี จากนั้นได้มีชายไทยคนหนึ่งเดินออกมาจากร้านกาแฟเข้ามาห้ามปราม และแจ้งให้คนขับรถออกไป โดยนายฟาริสจึงได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับนายปารเมศ คนขับรถตู้คันดังกล่าว โดยประสงค์จะให้ดำเนินคดีกับนายปารเมศจนถึงที่สุดตามกฎหมาย

...

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 3 ก.ค.66 ที่ สภ.เมืองภูเก็ต นายปารเมศ คนขับรถตู้ที่ก่อเหตุได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ให้รายละเอียดอะไรกับนักข่าว ซึ่งมี พ.ต.อ.ประเทือง ผลมานะ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมสอบสวนข้อเท็จจริงด้วย เนื่องจากเป็นนโยบายของ ผบช.ภ.8 และ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ที่จะต้องเข้ามากำกับดูแลคดีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยชาวต่างชาติที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด

พ.ต.อ.ประเทือง กล่าวว่า ภายหลังที่ร่วมสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ผู้ต้องหาได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนและแจ้งข้อหาแก่ผู้ที่ก่อเหตุในข่มขู่ ทำให้กลัวหรือตกใจ ก่อนนำส่งศาลแขวงภูเก็ต เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ทางสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตได้ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตในการสืบสวนสอบสวนคลิปดังกล่าวที่ปรากฏในสังคมออนไลน์และสื่อมวลชนต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา 

"ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สั่งการให้รอง ผกก.จร.สภ.เมืองภูเก็ต นำกำลังสายตรวจจราจรเข้าไปตรวจสอบ และพิสูจน์ทราบพร้อมกับสืบสวนข้อเท็จจริงต่างๆ จนทราบข้อมูลต่างๆ สถานที่เกิดเหตุ หมายเลขทะเบียนรถตู้อย่างรวดเร็วพร้อมกับประสานตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตเพื่อออกติดตามนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ปรากฏในคลิปอย่างเร่งด่วน โดยจะต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย"

ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนทราบว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้เดินทางมาจาก จ.กระบี่ เพื่อที่จะมาลงในย่านเมืองเก่าภูเก็ต แต่มาไม่พอใจกับคนขับรถตู้ในเรื่องการยกกระเป๋าเดินทางลงจากรถตู้หรือความที่ไม่พอใจในการสื่อสารไม่ค่อยรู้เรื่องกัน โดยคนขับรถตู้เกิดความไม่พอใจที่นักท่องเที่ยวแสดงกิริยายกมือยกไม้คล้ายต่อว่าเรื่องยกกระเป๋าลงจากรถ ซึ่งเรื่องมีอยู่เพียงเท่านี้ และภาพที่ปรากฏก็มีเท่านั้น และต้องขอขอบคุณที่คนขับรถตู้คันดังกล่าวไม่ได้ก่อเหตุอะไรร้ายแรง และสามารถยับยั้งชั่งใจกับเหตุการณ์ต่างๆได้ ซึ่งคนขับรถตู้คนดังกล่าวก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี โดยในวันนี้ได้เข้ามาพบกับตนเองและพนักงานสอบสวน ซึ่งได้มีการพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการนำตัวผู้ขับรถตู้ส่งฟ้องศาลแขวงในข้อหาข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว ซึ่งจะไม่มีการเปรียบเทียบปรับในชั้นพนักงานสอบสวนจะส่งฟ้องต่อศาล ซึ่งอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลในการจะปรับหรือจำคุก" ผกก.สภ.เมืองภูเก็ตกล่าว

พ.ต.อ.ประเทือง กล่าวเพิ่มว่า สำหรับท่อนที่คล้ายเหล็กแป๊บที่คนขับรถตู้ถืออยู่ในมือขณะเกิดเหตุ จากคำให้การของคนขับรถตู้นั้น ไม่ใช่ท่อนเหล็กแป๊บ แต่เป็นท่อนยางที่ใช้ในการพับเบาะรถ เพื่อป้องกันการกระแทกและเกิดเสียง โดยคนขับรถตู้ได้นำท่อนยางดังกล่าวมามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อตรวจสอบด้วย.

...