รอง มทภ. 4 ยัน กองทัพเอาผิดผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการจัดเสวนาการกำหนดชะตากรรมของตนเอง และเรียกร้องให้มีการทำประชามติเอกราชปัตตานี ของกลุ่ม นศ.แห่งชาติ ยันไม่ใช่เรื่องทางการเมือง อย่างที่พรรคเป็นธรรมกล่าวหา เผยอาจมีผู้ถูกดำเนินคดีเพิ่มขึ้นพร้อมย้ำ กอ.รมน.ภาค 4 สน.ยึดมั่นในหลักกฎหมายดำเนินการตามพยานหลักฐานที่มีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เผยเบื้องต้นแจ้งความแล้ว 5 ราย
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 66 ที่ค่ายสิรินธร จ.ยะลา พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวภายหลังการประชุมฝ่ายกฎหมายของ กอ.รมน.ภาค 4 สน.โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายความมั่นคงจากอัยการ ดีเอสไอ ฝ่ายกฎหมายของตำรวจและพนักงานสอบสวนเข้าร่วมหารือวางกรอบแนวทางในการทำงานและการสอบสวนร่วมกันว่า เพื่อโยงให้เห็นภาพรวมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมของขบวน นศ.แห่งชาติ ที่ มอ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวโยงกับการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาที่มีเป้าหมายแบ่งแยกดินแดนเรียกร้องเอกราชหรือไม่อย่างไร
ส่วนการร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีความมั่นคงกับผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้นชุดแรกจำนวน 5 คนนั้น ฝ่ายสืบสวนสอบสวนต้องโยงให้สังคมเห็นภาพรวมที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่ามีส่วนสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไร โดย จนท.ต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกแจ้งดำเนินคดีทั้งหมดเคยมีพฤติกรรมการกระทำอย่างไรในอดีตที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาใช้ประกอบสำนวนคำฟ้องเอาผิดในคดีความมั่นคง
"การทำความผิดในคดีความมั่นคง เราไม่สามารถมองเฉพาะภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ต้องมีการตรวจสอบความเชื่อมโยงทั้งพฤติกรรมของบุคคล กลุ่มบุคคล รวมทั้งเจตนา เจตนาพิเศษต่างๆ มีส่วนสัมพันธ์กันหรือไม่อย่างไร" รองแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
...
พล.ต.ปราโมทย์ ยังได้ปฎิเสธข้อกล่าวหาของนายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม ว่า ที่ตั้งข้อสังเกตถึงการดำเนินคดีความมั่นคงของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. เป็นเรื่องที่มีเป้าหมายทางการเมือง มีเจตนาขัดขวางความพยายามในการดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง พร้อมชี้แจงการดำเนินการทางกฎหมายที่เกิดขึ้นมาจากการจัดกิจกรรมของขบวน นศ.แห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. และในวันที่ 8 มิ.ย. กองทัพภาค 4 ได้ประกาศขอเวลาสองสัปดาห์ในการสอบสวนเบื้องต้น ก่อนแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายในวันที่ 23 มิ.ย.กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องต้นจำนวน 5 คน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง ทั้งหมดเป็นไปตามกรอบเวลาของการทำงานที่ได้วางไว้ ไม่ใช่เรื่องทางการเมืองอย่างที่บางฝ่ายตั้งข้อสังเกต
ต่อข้อสังเกตที่หลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการจัดกิจกรรมในวันดังกล่าวเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพของ ปชช.นั้น พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า ต้องพิจารณาให้รอบด้านซึ่งต้องรวมถึงการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของกลุ่มคนดังกล่าว ซึ่งทางฝ่ายความมั่นคงเห็นว่าต้องมองในเรื่องของเจตนา หรือเจตนาพิเศษ
"เราต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ามีความเชื่อมโยงอย่างไร ในเรื่องนี้กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขอยืนยันว่าเรายึดมั่นในหลักกฎหมายที่จะดำเนินการตามพยานหลักฐานด้วยความระมัดระวัง พร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย สิ่งที่จะนำไปสู่การดำเนินคดีขึ้นกับเจตนา หรือเจตนาพิเศษ พฤติกรรมที่ผ่านมารวมทั้งพยานหลักฐานจากการเก็บรวบรวมของ จนท." พล.ต.ปราโมทย์กล่าว และว่า การประชุมวันนี้ เป็นการวางแนวทางการดำเนินการในคดีความมั่นคง กำหนดกรอบการทำสำนวนฟ้อ โดยเห็นพ้องต้องกันว่าในการฟ้องร้อง ต้องวาดภาพรวมให้เห็นเจตนาเบื้องต้น ซึ่งสังคมจะเห็นเฉพาะการใช้ความรุนแรงของขบวนการอย่างเดียว อีกด้านที่สังคมมองไม่เห็นที่เหมือนภูเขาน้ำแข็ง คือการต่อสู้ทางแนวความคิดการต่อสู้ทางการเมือง
ส่วนจะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมจากที่แจ้งความเบื้องต้นไป 5 รายอีกหรือไม่ พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลักฐานโยงไปถึงใครหากเกี่ยวข้องกับความผิดก็ต้องดำเนินการตามหลักฐานโดยไม่สามารถละเว้นได้ คาดจะมีการแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติมกับ นักการเมืองจากพรรคก้าวไกล นักวิชาการบางคน อาจรวมถึงคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่อนุญาตให้มีการใช้สถานที่จัดกิจกรรมที่กระทบกับเรื่องความมั่นคง โดยผู้เกี่ยวข้อง 5 คนแรกที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีด้านความมั่นคงตามประมวลกฎหมายอาญา ม.114 ม.116 และ ม.209 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ ม.14 ได้แก่ นายฮากิม พงตะกอ อดีตรองเลขาพรรคเป็นธรรม, นายอาเต็บ โซะโก นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวเรียกร้องในเรื่องการกระจายอำนาจจาก The Pattani นายอิรฟาน อูมา ปธ.ขบวน นศ.แห่งชาติ, นายฮุซเซน บือแน และนายสารีฟ.