ผอ.โรงเรียนประถม ที่อ.ปะทิว จ.ชุมพร เตรียมบวช “ต้นพะยูง” หลังถูกนายทุนขบวนการค้าไม้มงคลส่งขายจีน ที่มีอดีตข้าราชการกรมป่าไม้ ใช้อิทธิพลกดดันทุกรูปแบบ ขอซื้อไม้ แต่ถูกปฏิเสธไม่ขาย ตั้งใจอนุรักษ์เป็นป่าชุมชนไว้ให้ลูกหลาน
วัวนที่ 15 มิถุนายน 66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีขบวนการค้าไม้หวงห้าม ซึ่งมีอดีตข้าราชการกรมป่าไม้รายหนึ่ง ร่วมกับอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ในอำเภอปะทิว จ.ชุมพร ไม่พอใจผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านชุมโค ที่ปฏิเสธไม่ยอมขายไม้พะยูงให้กับแก๊งผู้มีอิทธิพลดังกล่าว จึงพยายามเข้าหาคนใหญ่คนโตของจังหวัด มากดดันเพื่อให้ผู้อำนวยการโรงเรียน ยอมขายต้นไม้พะยูงให้
ผู้สื่อข่าวจึงได้ไปที่โรงเรียนบ้านชุมโค อยู่ในเขตพื้นที่หมู่ 3 บ้านหน้าถ้ำ ตำบลชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร อยู่ห่างถนนสายเทศบาลปะทิว-บ้านคลองวังช้าง เพียง 200 เมตร เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียน จำนวน 90 คน เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีเนื้อที่ 14 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน สถานที่ประกอบการเรียน อาคารและสนามหญ้า จำนวน 10 ไร่ ส่วนอีก 4 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกป่าธรรมชาติหลากหลายชนิด เช่น ต้นกระถินณรงค์ โดยเฉพาะไม้ห่วงห้ามประเภท ก. มีทั้งต้นกันเกรา ต้นตะเคียน และต้นพะยูง ต้นไม้ที่เชื่อกันว่าเป็นไม้มงคลมีอยู่กว่า 20 ต้น ที่ขบวนการค้าไม้หวงห้ามมีความต้องการที่จะมาขอซื้อส่งขายยังประเทศจีน
นายเอกชัย รัตนพงศ์ อายุ 43 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านชุมโค เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่ที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านชุมโคแห่งนี้ ได้มีนายทุนกลุ่มหนึ่งพยายามที่จะเข้ามาติดต่อขอซื้อไม้พะยูงที่ปลูกตั้งแต่ปี 2532 ตนก็ได้ประชุมคณะกรรมการโรงเรียนและนำเรื่องนี้เข้าไปคุยในที่ประชุม ซึ่งคณะกรรมการทุกท่านต่างก็เห็นดีด้วยว่าน่าจะขาย โดยมองว่าหากขายไม้พะยูงที่มีอยู่ได้ ก็จะมีเงินมาปรับปรุงซ่อมแซมโรงเรียน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อไป เนื่องจากต้นไม้ที่ปลูกอยู่นั้นในช่วงฤดูฝนบางครั้งก็หักล้มลงมาทับสายไฟของชาวบ้าน ต้องได้แจ้งให้การไฟฟ้ามาช่วยตัดและนำไม้มาใช้ประโยชน์ในโรงเรียน
...
นายเอกชัยกล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการโรงเรียน ได้มีการบันทึกไว้ว่าจะต้องศึกษาข้อมูลเรื่องการตัดไม้พะยูงให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้าม ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลเรื่องการตัดไม้รวมไปถึงการขายไม้ในโรงเรียนนั้นมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง ซึ่งพื้นที่โรงเรียนเป็นที่ดินราชพัสดุ ไม่ได้เป็นที่ดินที่มีเป็นโฉนด เพราะฉะนั้น เมื่อมีการขายไม้แล้วได้เงินมา ทั้งหมดก็จะต้องนำเข้าไปอยู่ในกองคลังราชพัสดุ โรงเรียนไม่สามารถนำเงินมาใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้น คณะกรรมการจึงได้ยุติเรื่องการตัดต้นไม้ขายไว้
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า แต่ทางกลุ่มนายทุนที่ยังมองว่า ต้นไม้พะยูงนั้นมีมูลค่านับล้านบาท ก็ยังพยายามที่จะเข้ามาขอซื้ออย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี โดยกลุ่มนายทุนบอกว่าขั้นตอนต่างๆ ทางเขาจะเป็นฝ่ายดำเนินการเองทั้งหมด รวมไปถึงไปยื่นหนังสือเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง และยังมีการติดต่อขอพบผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาด้วยตัวเอง เพื่อจะขอตัดไม้ดังกล่าว โดยอ้างว่าจะตัดไม้ทั้งหมดที่อยู่บริเวณหน้าโรงเรียนและจะขอซื้อเพียงไม้พะยูงที่มีอยู่เท่านั้น ส่วนไม้ที่เหลือก็จะให้ทางโรงเรียนนำไปใช้ประโยชน์ และยังมีความพยายามติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานในจังหวัด เพื่อให้เข้ามาไกล่เกลี่ยให้ทางโรงเรียนยินยอมขายไม้พะยูงให้กับกลุ่มนายทุน โดยให้บุคคลต่างๆ ที่อ้างเป็นคนใหญ่คนโตให้เข้ามาไกล่เกลี่ย
ในช่วงแรกๆ มีความกังวลและกดดันพอสมควร เพราะมีหลายๆ คนพยามยามที่จะโทรมาคุยเรื่องไม้พะยูง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มชิน และไม่อยากคุยกับคนแหล่านั้น เราไม่อยากทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยากเก็บรักษาต้นไม้ใหญ่ที่ปัจจุบันหาดูได้ยากไว้ให้ลูกหลานได้ดู เพราะพื้นที่บริเวณนี้ยังมีความอุดมสมบูรณ์ ในอนาคตผมและคณะครูที่โรงเรียนรวมไปคณะกรรมการโรงเรียน จะทำพื้นที่บริเวณนี้เป็นสวนพฤกษศาสตร์เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ จะมีการติดป้ายชื่อต้นไม้ ติดคิวอาร์โค้ดเพื่อแสดงข้อมูลของต้นไม้แต่ละชนิด โดยจะทำพิธีบวชป่าร่วมกับทางวัดทางชุมชนต่อไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกลุ่มนายทุนกลุ่มดังกล่าว เป็นขบวนการตัดไม้หวงห้ามโดยเฉพาะไม้พะยูงส่งขาย มีอดีตข้าราชการของกรมป่าไม้ ชื่อ "เทพ" คอยกำกับและสั่งการ โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2565 ขบวนการตัดไม้หวงห้ามกลุ่มนี้ ได้จ้างชาวบ้านเข้าไปลักลอบตัดไม้พะยูง ในป่าสงวนแห่งชาติที่ทับซ้อนกับเขตนิคมสหกรณ์ปะทิว พื้นที่หมู่ 8 บ้านช่องมุด ตำบลชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร แล้วถูกเจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้องสนธิกำลังจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว แต่ได้ผู้ต้องหาที่เป็นผู้รับจ้างตัดเท่านั้น.