ครูสาวรับจ๊อบร้องเพลงนอกเวลา อัดคลิปชี้แจง เผยนาทีเซ็นใบลาออก ถูกเรียกไปต่อรองบอก "หาคนจะมาแทนตำแหน่งแล้ว ไปร้องเพลงกลางคืน ผิดจรรยาบรรณในความเป็นครู" พร้อมเสนอเงิน 3 หมื่นบาท เป็นค่าเลิกสัญญา ไม่บีบก็เหมือนบีบ ถ้าอยู่ต่อก็ลำบาก เพราะเขาไม่เอาเราแล้ว

กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างหนัก หลังจากผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง ซึ่งเป็นครูสาว ในวิทยาลัยเอกชนในพื้นที่ จ.ยะลา โดยโพสต์คลิปที่ลาออกจากอาชีพครู พร้อมระบุข้อความว่า ครูรับงานเสริมร้องเพลงผิดตรงไหน เป็นครูห้ามร้องเพลงงานนอก ห้ามร้องเพลงกลางคืน อย่างงั้นหรือ โดนบีบจนปวดสมองมาก ตอนนี้ลาออกจากการเป็นครูอย่างเป็นทางการแล้ว

สำหรับคลิปดังกล่าวเป็นภาพหนังสือแจ้งความประสงค์ขอลาออกจากการเป็นครู พร้อมกับระบุในคลิปว่า “โดนบีบให้ลาออกจากครู เพราะผิดจรรยาบรรณ คือ รับงานร้องเพลงกลางคืน #อาชีพนึงที่โดนบูลลี่มาตลอดในชีวิตฉัน”

ผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องดังกล่าว ทราบว่า ภายหลังมีข่าวออกมาทางโซเชียลทุกช่องทาง เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่กำลังดังในขณะนี้ ทำให้ ผู้อำนวยการวิทยาลัย ที่ถูกอดีตครูสาวคนดังกล่าว กล่าวพาดพิง ออกชี้แจง ความโดยสรุปว่า ไม่ได้บีบบังคับครูสาวให้ลาออก ยังสนับสนุนอาชีพเสริม ทำงานนอกเวลาด้วย แต่ต้องคำนึงความเหมาะสมรวมทั้งภาพที่โพสต์ในโซเชียล และเรื่องที่ครูสาวมีอาการป่วย ลางานบ่อย 

...

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยังครูสาว เพื่อจะขอสัมภาษณ์ แต่ครูสาวระบุว่าหลังกลายเป็นประเด็น ก็มีโทรศัพท์หลายสายโทร.เข้ามาสอบถามถึงเรื่องนี้ รวมถึงผู้สื่อข่าวด้วย จึงได้อัดคลิปวิดีโอชี้แจงถึงสาเหตุที่เกิดปัญหาขึ้น  

โดยเปิดเผยว่า สาเหตุที่โดนบีบในเรื่องที่ว่าหนูลางานวันหยุด วันนั้นมันเป็นวันเสาร์ที่ตนแพ้ยาที่โรงพยาบาล หมอก็เลยเปลี่ยนยา ให้หยุดงาน 2 วัน คือวันศุกร์กับวันเสาร์ ซึ่งที่หยุดงานก็คือ เป็นช่วงของโรงเรียนปิดภาคการศึกษา ปิดเทอมและเป็นช่วงที่อาจารย์ก็มีหน้าที่แค่แนะแนวและสอนปรับพื้นฐานนักศึกษาใหม่และให้ครูอาจารย์ที่เหลือที่ไม่มีสอนออกแนะแนว 

"ทีนี้เขาบอกว่า คือเขามีคนของเขาจะมาแทนตำแหน่งอยู่แล้ว เขาก็เลยบอกว่า เนี่ยผิดจรรยาบรรณในความเป็นครูนะ ไปร้องเพลงกลางคืน ถ้าเกิดว่าเขาจะคืนเงิน 30,000 บาทให้ ในสัญญาที่บอกว่าทำงาน 3 ปี เดี๋ยวจะคืนเงิน 30,000 บาทนี้ แต่เขาบอกว่าจะคืนให้เลยนะ แต่ว่าถ้าเซ็นใบลาออก ก็บอกว่าโอเคได้เดี๋ยวเซ็นใบลาออกให้เลย เพราะเราก็อึดอัด ถ้าเกิดว่าเขาไม่พอใจแล้วยังไงก็ต้องออกอยู่ดี ซึ่งตอนแรกขึ้นไปปุ๊บเราก็เขียนไปว่า กรณีที่เขาให้ออกคือ ผิดจรรยาบรรณความเป็นครู ที่ไปรับจ๊อบร้องเพลง ที่นี้เขาก็ขึ้นมาชั้น 2 เพราะห้องประชุมอยู่ชั้นล่าง ขึ้นไปทำเรื่อง ให้รองผู้อำนวยการโอนเงินให้ 30,000 บาท เขาให้เขียน ก็เลยเขียน ผิดจรรยาบรรณความเป็นครูที่รับจ๊อบร้องเพลง เขาบอกว่าถ้าเขียนแบบนี้เดี๋ยวไปทำงานที่อื่นลำบาก เขียนเป็นแบบไม่สามารถทำงานได้ หรือว่าออกไปรักษาตัวดีกว่าไหม เราก็บอกว่า ไม่ค่ะขอเขียนตามความเป็นจริง และเขาก็ให้เขียนข้างล่างว่าได้รับเงินแล้ว 30,000 บาท พอยื่นปุ๊บก็โอเคอนุมัติให้ลาออกเลย และเขาก็โอนเงินให้เราแล้ว 30,000 บาท ก็หมดวาระความเป็นครูตรงนั้น และเขาก็เขียนเพิ่มว่าเราร้องห้องอาหารที่ร้านที่เราไปร้องเพลง โดยเป็นลายมือเขาไม่ใช่ลายมือเรา”

ครูสาว กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนต้องเซฟตัวเองเพราะได้ยินว่าเขาจะฟ้องร้องเราในส่วนที่ทำให้โรงเรียนเสียหาย เสียชื่อเสียง ก็มีชื่อของผู้อำนวยการและมีชื่อของสถาบัน ซึ่งตนก็ไม่ได้มองว่าตัวเองผิดเพราะว่าเราโพสต์ใบลาออกมันก็ต้องเรียนผู้อำนวยการอยู่แล้ว และก็ระบุว่า มันเป็นความจริงที่เขาให้เราออกด้วยสาเหตุที่ผิดจรรยาบรรณในความเป็นครู เพราะไปรับงานร้องเพลง

อย่างไรก็ตาม ที่ไปร้องเพลงนั้นมันเป็นเวลากลางคืน เวลา 3 ทุ่มครึ่ง ไม่เกินตี 1 และอีกอย่างใน 3 ชั่วโมงนั้น เราจะร้องกี่ชั่วโมงก็ได้ จะไปวันไหนก็ได้ ไม่ได้ต้องไปทุกวัน และไม่ได้รับงานตั้งแต่แรกที่เริ่มทำงาน ตนรับมาประมาณ 2 เดือนก่อนหน้า และตั้งแต่ลาออก ก็ประมาณ 2 เดือนที่ไปร้องเพลงอยู่ และค่าจ้างที่ได้ก็เป็นรายชั่วโมงไม่ได้ประจำ เลยสงสัยว่ามันผิดจรรยาบรรณตรงไหนที่บอกว่าเป็นครูและไปร้องเพลงกลางคืน และในตำแหน่งที่ตนทำไม่ได้เป็นครูสอนประจำวิชาก็ลองดูนะว่าสิ่งที่ตนทำ คือถ้าเกิดเขาจะฟ้องจริงๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่พูด ไม่ให้ข่าวอะไร ทีนี้พอรู้ว่าเขาเริ่มจะฟ้องเรา ว่าเราทำให้เสื่ยมเสียชื่อสถาบัน โอเคเราคงอยู่นิ่งไม่ได้แล้วตรงนี้ คือฝากไว้ด้วยว่าขอความเห็นใจในส่วนตรงนี้ด้วยที่ถ้าเกิดจะฟ้องร้องเราจริงๆ เราผิดอะไร เราผิดจรรยาบรรณตรงไหน และเราออกมาไม่ถูกต้องตรงไหน อยากให้เข้าไปตรวจสอบตรงนี้ด้วยว่าการทำงานก่อนหน้านี้เป็นยังไง 7 วันจริงหรือเปล่า และทำไมโดนบีบ 

...

"เอาง่ายๆ ถ้าเกิดคนที่โดนบีบ ถ้าสมมติยังไม่ได้เซ็นใบลาออก อยู่ต่อ ยังไงก็อยู่ลำบาก ถ้าเกิดเขาไม่ชอบแล้วยังไงมันก็ลำบากที่จะอยู่ต่อ ฝากไปด้วยนะ ฝากเคสนี้ เป็นเคสที่อยากให้ทุกคนเข้ามาดูว่าเราผิดอะไร ถ้าเกิดฟ้องร้องกันจริงๆ คือเราต้องทำยังไง ในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนหนึ่ง เป็นผู้น้อยคนหนึ่งเป็นเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่ได้มีอำนาจ และเพิ่งมาเป็นครูได้ไม่ถึง 2 ปี ฝากไว้ด้วยนะคะ”