ชาวสวนทุเรียนชุมพรน้ำตาไหลเจอวิกฤติภัยแล้งขาดน้ำหล่อเลี้ยงดอกร่วง ทำให้ผลผลิตลดลงกว่า 17% จากเกือบ 5 แสนตัน เหลือกว่า 3 แสนตัน ขณะที่มังคุดก็โดนด้วยผลผลิตลดลงกว่า 10%

นางพจณีย์ ริยาพันธ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพร เปิดเผยถึงวิกฤติภัยแล้งที่มีผลกระทบต่อผลไม้โดยเฉพาะทุเรียนและมังคุดในพื้นที่ของจังหวัดชุมพรว่า ผลิตในฤดูกาล ปี 2566 ได้มีการประเมินสถานการณ์ผลผลิตของทุเรียน และมังคุด ซึ่งกำหนดจัดขึ้นจำนวน 3 ครั้ง ตลอดฤดูกาลผลิต โดยในครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 และครั้งที่ 2 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 และครั้งที่ 3 จะจัดขึ้นช่วงเดือนกรกฎาคม

นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการฯ กล่าวต่อว่า จังหวัดชุมพรในปี 2566 พบว่ามีพื้นที่ปลูกทุเรียน 279,254 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 260,768 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 7.09 สำหรับมังคุด ในปี 2566 มีพื้นที่ปลูก 47,276 ไร่ ลดลงจากปี 2565 จำนวน 49,266 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 4.04 จากการประเมินสถานการณ์ครั้งแรก ในระยะดอก พบว่าผลผลิตของทุเรียน และมังคุดเพิ่มขึ้นจากปี 2565 เนื่องจากปี 2565 มีปริมาณฝนตกชุก ทำให้ดอกหลุดร่วง ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2566 สภาพต้นมีความสมบูรณ์ มีการสะสมอาหารเพียงพอ สภาพอากาศมีความเหมาะสม จึงทำให้มีปริมาณการออกดอกมาก

...

นางพจณีย์ กล่าวอีกว่า แต่ผ่านมาเพียงไม่นานสถานการณ์กลับพลิกผัน โดยเฉพาะดอกทุเรียนที่กำลังเบ่งบาน และผ่านระยะการพัฒนามาสู่ช่วงระยะหางแย้ โดยปกติก็จะมีการหลุดร่วงไม่เกินร้อยละ 10 แต่สำหรับปีนี้ไม่เป็นอย่างเช่นทุกปีที่ผ่านมา เพราะช่วงเดือนมีนาคม ทุเรียนส่วนใหญ่ร้อยละ 45.18 อยู่ในระยะหางแย้ รองลงมาอยู่ในระยะผลเล็ก ร้อยละ 17.76 เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนเมษายน ซึ่งมีสภาพอากาศร้อน ฝนทิ้งช่วง ปริมาณน้ำที่จะนำมาใช้ในสวนทุเรียนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ทุเรียนหลุดร่วง จากเดือนมีนาคม ที่ได้มีการประเมินสถานการณ์ว่าจะมีผลผลิต 408,491 ตัน แต่เมื่อผ่านช่วงวิกฤติฝนทิ้งช่วง สภาพอากาศร้อน ในหลายพื้นที่ปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ต้องหาน้ำจากแหล่งอื่นมารดต้นทุเรียน ผลทุเรียนบางส่วนก็ยังหลุดร่วง ทำให้ปริมาณผลผลิตลดลง ร้อยละ 17.52 เหลือ 337,376 ตัน ซึ่งทุเรียนจะเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงเดือนธันวาคม มีปริมาณมากที่สุดในช่วงวันที่ 21-30 มิถุนายน 2566 ปริมาณ 73,453 ตัน คิดเป็นร้อยละ 21.78 "


"สำหรับมังคุดในช่วงเดือนมีนาคม ส่วนใหญ่ร้อยละ 35 อยู่ในระยะติดผลอ่อน และรองลงมาคือระยะดอกบาน ร้อยละ 24.71 จากสถานการณ์เมื่อเดือนมีนาคม ว่าจะมีผลผลิต 59,887 ตัน ถึงแม้ว่าในช่วงเดือนเมษายน สภาพอากาศเหมาะสมแก่การออกดอกของมังคุด แต่ก็ทำให้ผลมีขนาดเล็กลง ประกอบกับฝนทิ้งช่วง ทำให้ผลมังคุดบางส่วนหลุดร่วง ส่งผลต่อปริมาณผลผลิตลดลงร้อยละ 10.38 เหลือ 53,670 ตัน โดยมังคุดจะเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม มีปริมาณมากที่สุดในช่วงวันที่ 1-10 กรกฎาคม 2566 ปริมาณ 17,223 ตัน คิดเป็นร้อยละ 32.09" นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการฯ กล่าว

...


นางพจณีย์ กล่าวด้วยว่า จากสภาพอากาศในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรได้เรียนรู้การปรับตัวไปพร้อมๆ กับทุเรียนและมังคุด ซึ่งในตอนนี้เกษตรกรกำลังเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่คาดว่า จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกันนี้ในฤดูกาลหน้า เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ถึงแม้ว่าชาวสวนไม้ผลจังหวัดชุมพรในหลายพื้นที่ จะสามารถผ่านวิกฤติมาได้แบบมีน้ำตา แต่เชื่อแน่ว่าเกษตรกรชาวชุมพรยังคงมีใจสู้ ร่วมกันเรียนรู้ และพัฒนาเพื่อให้ราชาและราชินีผลไม้ ยังคงคุณภาพให้เป็นที่คิดถึง เป็นหนึ่งในผลไม้ภาคใต้ต่อไป.

...