ช่วงนี้หน่วยงานปราบยาเสพติดกำลังหน้าดำคร่ำเครียด

จับกุมยาเสพติดรายใหญ่ โดยเฉพาะ “ยาไอซ์” ได้ครั้งละเป็นตัน!

ช่วงกลางเดือน พ.ค. ตำรวจ บช.ปส. ตามกลิ่นยาไอซ์ลงไปถึงภาคใต้ ประสานตำรวจ สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช บุกตรวจค้นเรือลากจูง SHIP ONE TUG 1 พบยาไอซ์บรรจุกระสอบวางเรียงรายเป็นตับ ตรวจนับแล้วมีน้ำหนักรวมถึงตันครึ่ง!

จับคนบนเรือทั้งหมด 8 คนมาสอบสวนว่าใครรู้เห็นอะไรมากแค่ไหน?

จากข้อมูลที่มีอยู่ในมือเรือลำนี้กำลังนำยาเสพติดทั้งหมด ล่องทะเลไปส่งประเทศมาเลเซีย มูลค่าไม่มาก ถ้าหลุดไปได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท

หลังจากนั้นช่วงปลายเดือน ป.ป.ส. ร่วมกับตำรวจ บช.ปส. และตำรวจ บช.ภ.9 บุกตรวจค้นบ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 5 ต.ทุ่งขมิ้น อ.นาหม่อม จ.สงขลา พบยาไอซ์ซุกซ่อนอยู่หลายจุดในตัวบ้าน ตรวจนับได้ถึง 1,200 กก.!

หลายคนเลยตั้งคำถามว่า หน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของเราล้มเหลวหรือเปล่า?

ยอมรับว่าการจับกุมยาเสพติดครั้งใหญ่ติดๆกัน เป็นเรื่องน่าตระหนก แต่ถ้าดูจากสภาพปัจจุบันแล้ว ไม่น่าแปลกใจ?

เพราะโรงงานผลิตยานรกกระจายอยู่เต็มไปหมดตามแนวชายแดน ผลิตกันไม่ยั้งเพราะสารตั้งต้นทั้งหลายแหล่ อาทิ สารอีเฟดรีน (Ephedrine) ที่ใช้ผลิตยาไอซ์ สามารถสั่งซื้อได้ไม่อั้นมาจากประเทศจีน ระบบการค้าเสรีมีส่วนช่วยให้ยากต่อการควบคุม?!

ประกอบกับสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างถนนหนทางบ้านเราสะดวก เหมาะกับการขนส่ง

ที่สำคัญที่ตั้งของเราถือว่าอยู่ในใจกลางอาเซียน จะขนย้ายไปประเทศที่ 3 ทางบกหรือทางน้ำก็สะดวกไม่แพ้กัน ประเทศไทยเลยกลายเป็นเส้นทางผ่านยาเสพติดใหญ่ไปโดยปริยาย

...

นอกจากนี้ ขบวนการยาเสพติดเลยเปลี่ยนวิธีการจากกองทัพมดเป็นขนกันมาทีเป็นกุรุส!

จับได้จับไป แต่ถ้าหลุดไปได้ก็คุ้ม เป็นที่มาของการจับกุมยาเสพติดได้ครั้งละมากๆ.

สหบาท