ขนส่งจังหวัดภูเก็ตยอมรับตรวจการพกพาอาวุธผู้โดยสารก่อนขึ้นรถเป็นเรื่องยาก หลังเกิดเหตุหนุ่มคลั่งถือปืนขึ้นรถบัสยิงผู้โดยสารบาดเจ็บ ชี้ ต้องสนธิกำลังหลายฝ่าย ในการรักษาความปลอดภัย 

จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมาเกิดเหตุนายนาวิน ช่วยเกลี้ยง อายุ 24 ปี อดีตทหารเกณฑ์ปลดประจำการและเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ยิงผู้โดยสารภายในรถมินิบัสสายภูเก็ต-พัทลุงได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย เป็นชาย 1 หญิง 1 คน หลังจากรถวิ่งออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้ราว 1 กม. โดยภายในรถมีผู้โดยสารรวมผู้ก่อเหตุ 9 คนและยังมีพนักงานขับรถกับเด็กรถอีก 2 คน โดยเหตุเกิดบริเวณโค้งควนดินแดง ถ.เทพกระษัตรี ฝั่งขาออกนอกเมืองภูเก็ต ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จากนั้นนายนาวินได้ใช้ปืนกระบอกเดียวกันปลิดชีพตัวเองหนีความผิดภายในรถ

อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 66 หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว 1 วัน สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 จังหวัดภูเก็ตยังคงมีผู้มาใช้บริการรถโดยสารประจำทางตามปกติ เพื่อเดินทางไปแต่ละจังหวัด ทั้งนี้จากการสอบถามนายกฤษฎา มานพ ซึ่งจะเดินทางไปกรุงเทพฯ บอกไม่ได้กังวล เพราะถือเป็นเหตุเฉพาะหน้า ที่ผ่านมาไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้

...

ขณะที่แนวทางการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำตามที่หลายฝ่ายมองว่าจะสามารถตรวจค้นอาวุธปืนก่อนเข้าไปในพื้นที่ของสถานีขนส่งผู้โดยสาร หรือก่อนการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะได้หรือไม่นั้น ในเรื่องดังกล่าวนายอัดชา บัวจันทร์ ขนส่งจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า จะต้องมีการพูดคุยร่วมกับทางผู้ดูแลสถานีขนส่งผู้โดยสาร เนื่องจากเกินอำนาจของสำนักงานขนส่ง โดยจะมีการปรึกษาหาแนวทางป้องกันร่วมกันกับผู้ดูแล บขส.และผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ

เบื้องต้นจะให้ผู้ประกอบการบันทึกชื่อ-นามสกุลและหมายเลขโทรศัพท์ของผู้โดยสารไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้น ส่วนการดำเนินการด้านความปลอดภัยอื่นๆ จะต้องพิจารณาจากหลายฝ่ายเพิ่มเติม เนื่องจากรถโดยสารประจำทาง ไม่ได้รับ-ส่งผู้โดยสารเพียงจุดเดียว คือ ต้นทางหรือปลายทาง แต่มีการจอดรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างเส้นทาง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องยากในการตรวจสอบการพกพาอาวุธ ต้องใช้ความละเอียดในทางปฏิบัติจากหลายหน่วยเข้ามาร่วมดำเนินการ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและผู้โดยสาร.