น้ำในแม่น้ำโก-ลก ล้นตลิ่งทำให้พนังกั้นน้ำบริเวณตลาดมูโนะแตกกลางดึก ท่วมพื้นที่ชุมชนทันที 80-100 ซม. เดือดร้อนเฉียดพันครัวเรือน ทหารต้องเร่งขนย้ายท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า ในช่วงคืนที่ผ่านมาปริมาณน้ำในแม่น้ำโก-ลก ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสมและรองรับมวลน้ำป่าซึ่งมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาสันกาลาคีรี ในพื้นที่ อ.สุคิริน ได้ไหลบ่าลงมาบรรจบ ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโก-ลก เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนล้นตลิ่ง และได้ไหลระบายเพื่อลงสู่ทะเลด้านปากอ่าว อ.ตากใบ ด้วยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากเมื่อไหลผ่านพนังกั้นน้ำด้านหลังของตลาดมูโนะ ม.1 ต.มูโนะ อ.สุไหลโก-ลก ซึ่งเป็นช่วงโค้งพนังกั้นน้ำเก่าเชื่อมต่อพนังกั้นน้ำใหม่ได้ต้านแรงดันของกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากไม่ไหว ได้พังลงมาในช่วงคืนของวันที่ 18 ธ.ค. 65 และด้วยแรงดันของกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและร้านค้าของประชาชนที่ตลาดมูโนะอย่างรวดเร็ว จนในช่วงเช้าของวันนี้ภายในตลาดมูโนะมีระดับน้ำท่วมขังสูง โดยเฉลี่ย 80 ถึง 100 ซม. บางจุดมีกระแสน้ำไหลที่เชี่ยวกรากเพื่อระบายน้ำลงพื้นที่ลุ่มต่ำ
...
แต่ถึงอย่างไรก็ตามในช่วงคืนที่ผ่านมา พ.ท.สกล มีสัมฤทธิ์ ผู้บังคับการกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 พร้อมกำลังพลจำนวนหนึ่งได้นำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลืออพยพประชาชนและสิ่งของสัมภาระที่จำเป็นหนีระดับน้ำท่วมขังกันเกือบตลอดทั้งคืน ซึ่งประชาชนบางส่วนได้อพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนดารุลฟุรกอน และศูนย์เด็กเล็กนูรุลยาบาล ซึ่งผลกระทบจากพนังกั้นน้ำแตกในครั้งนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมขังจำนวน 946 ครัวเรือน รวม 2,691 คน
แต่ถึงอย่างไรก็ตามในพื้นที่ อ.ระแงะ ในช่วงคืนที่ผ่านมา พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.ทพ.45 ได้สั่งการให้ พ.อ.ณัฐภูมิ ฉัตรภูมิ รอง ผบ.ฉก.ทพ.45 พร้อมกำลังพลเข้าทำการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ต.ตันหยงมัส และ ต.บาโงสะโต ซึ่งมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 50 ถึง 60 ซม. โดยได้ใช้ยานพาหะของหน่วยในการขนย้ายประชาชนและยานพาหนะหนีระดับน้ำที่กำลังระบายลงสู่คลองตันหยงมัส เพื่อระบายอีกมอดหนึ่งลงสู่แม่น้ำบางนรา
จากผลพวงของสภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในครั้งนี้ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาระหว่างเขตรอยต่อของแต่อำเภอ เนื่องจากมีปริมาณน้ำท่วมขังถนนสายหลักสำคัญๆ หลายสาย อาทิ สายสุไหงโก-ลก–ตากใบ, สายสุไหงโก-ลก–แว้ง, สายสุไหงโก-ลก–สุไหงปาดี และสายสุไหงโก-ลก–ตากใบ ซึ่งมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 60 ซม. ยานพาหนะขนาดเล็กทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ แถมโรงเรียนสังกัดพื้นที่การประถมศึกษา และสังกัดมัธยมศึกษา รวมทั้งโรงเรียนสังกัดเอกชน ต้องประกาศปิดการเรียนการสอนกว่า 20 โรง จากอุปสรรคน้ำท่วมถนนและจากปัญหาความท่วมสถานศึกษา
โดยภาพรวมขณะนี้มีน้ำท่วมขังขยายวงกว้าง 13 อำเภอ 70 ตำบล 454 หมู่บ้าน 2 เทศบาล 22 ชุมชน รวม 29,113 ครัวเรือน รวม 119,638 คน และทางจังหวัดนราธิวาสได้ประกาศให้พื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยภิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว เพื่อตั้งงบประมาณออกมาให้การช่วยเหลือประชาชน.