ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพัทลุง เดินหน้าโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน หนุนเกษตรกรผลิตข้าวอินทรีย์ให้ได้มาตรฐานทุกขั้นตอน พร้อมรับการตรวจประเมิน หลังความนิยมสินค้าเกษตรอินทรีย์พุ่ง
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 65 จากนโยบายรัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญเกษตรอินทรีย์ที่ต้องเร่งขับเคลื่อน การดำเนินงานให้เกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อปรับทิศทางการผลิตของภาคเกษตรให้สอดรับกับสถานการณ์โลก ปัจจุบันประชากรโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยด้านอาหาร กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสวัสดิภาพของผู้ผลิต การผลิตตามแนวทางเกษตรอินทรีย์เป็นทางเลือกหนึ่งของเกษตรกร ในการผลิตสินค้าเกษตรด้วยหลักธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการใช้ปัจจัยการผลิตจากการสังเคราะห์ ไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี ฮอร์โมนสังเคราะห์ และไม่ใช้พืชที่มีการดัดแปรพันธุกรรม (GMOs) มีการจัดการผลผลิต และแปรรูป เพื่อรักษาสภาพและคุณภาพเกษตรอินทรีย์ในทุกขั้นตอน ในปัจจุบันตลาดมีความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์มากขึ้น เกิดกระแสความตื่นตัวในการดูแลสุขภาพเพื่อหลีกเลี่ยงโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ โดยหันมาบริโภคสินค้าที่ปลอดภัยไม่มีสารเคมีปนเปื้อน ส่งผลให้สินค้าเกษตรอินทรีย์ไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค รวมถึงการขยายพื้นที่การผลิต การเพิ่มจำนวนเกษตรกรเป็นไปได้ช้า เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่มีความเคยชินกับการผลิตสินค้าเกษตรแบบใช้สารเคมี และปุ๋ยเคมีทั่วไป ดังนั้นแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว และจะนำพาเกษตรกรไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ควรมีการส่งเสริมการผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์ให้มีประสิทธิภาพตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
...
นายอัมพร ทองไชย ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพัทลุง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ นางสาวอุบลวรรณ ทองชั่ง นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโครงการ ติดตามให้คำแนะนำเกษตรกร โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าวอินทรีย์ เพื่อทบทวนคู่มือและเอกสารการจัดทำระบบควบคุมภายในแบบกลุ่ม (ICS) เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การตรวจประเมินเพื่อต่ออายุระบบการผลิตข้าวอินทรีย์หลังปีที่ 3 พร้อมทั้งวางแผนการผลิต ในฤดูกาลต่อไป ตั้งแต่การเตรียมแปลง การเตรียมเมล็ดข้าวพันธุ์ดี (แหล่งที่มาของเมล็ดพันธุ์ต้องมาจากแปลงเมล็ดพันธุ์อินทรีย์เท่านั้น) การจัดการแปลงนาเพื่อไม่ให้มีพันธุ์ปนและการกำจัดวัชพืช รวมถึงการเก็บเกี่ยวข้าวในช่วงอายุที่เหมาะสมกับการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว เช่น การตาก การสี รวมถึงการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ถูกต้องเพื่อยืดอายุการงอกของเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น ทั้งนี้ หากเกษตรกรมีความประสงค์จะเปลี่ยนพันธุ์ข้าวก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ จัดขึ้น ณ กลุ่มผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ ทั้ง 7 กลุ่ม ของ จ.ตรัง.