รองแม่ทัพภาค 4 ตรวจที่เกิดเหตุลอบวางระเบิดปั๊มน้ำมัน 2 แห่งในพื้นที่ จ.ปัตตานี เผยคนร้ายหวังทำลายความเชื่อมั่นรัฐบาลช่วงการประชุมเอเปก รู้ตัวผู้ก่อเหตุ เป็นมือวางระเบิดที่เคยก่อเหตุในพื้นที่
จากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดปั๊มน้ำมัน 2 แห่งในพื้นที่ จ.ปัตตานี เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยจุดแรกที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ต.บานา อ.เมือง คนร้ายสองคนขี่รถจยย.เข้ามาจอดที่หัวจ่ายน้ำมัน ซึ่งขณะนั้นมีพนักงานของปั๊มกำลังให้บริการลูกค้า คนร้ายได้ชักอาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า และยิงไปที่หัวจ่ายน้ำมันหลายนัดพร้อมตะโกนว่ามีระเบิดจนทำให้ประชาชนตกใจหนีตายออกจากปั๊ม ก่อนที่คนร้ายจะนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊สปิกนิก น้ำหนักประมาณ 15 กก. วางไว้ที่หัวจ่ายน้ำมันก่อนจะเร่งเครื่องหลบหนีไป กระทั่งเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ปั๊มน้ำมันเกิดไฟไหม้แรงระเบิดยังทำให้ได้รับความเสียหายหนัก และเวลาไล่เลี่ยกันคนร้ายก่อเหตุในลักษณะเดียวกันเข้าไปภายในปั๊มน้ำมันพีที ต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง นำระเบิดชนิดเดียวกันวางไว้ที่หัวจ่ายน้ำมันที่อยู่ใกล้กับถังน้ำมันใต้ดิน จากนั้นจึงขึ้นรถ จยย.หลบหนีไป กระทั่งเกิดระเบิดขึ้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 16 พ.ย. พลตรีปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ต.บานา ซึ่งได้รับความเสียหายหนัก โดยภายในปั๊ม ปตท.มีเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดกำลังตรวจสอบความเสียหาย ค้นหาวัตถุพยานเพิ่มเติม เช่นเดียวกับที่ปั๊มน้ำมันพีที ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้เข้าตรวจหาวัตถุพยาน ซึ่งในเบื้องต้นพบชิ้นส่วนระเบิดจำนวนหนึ่งและปลอกกระสุนปืนกระจายไปทั่วบริเวณจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพขณะคนร้ายก่อเหตุได้ชัดเจน ซึ่งหลักฐานทั้งหมดถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
...

นอกจากนี้ชุดปฏิบัติการร่วมได้เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี และ อ.ปะนาเระ ซึ่งผลการปฏิบัติไม่พบบุคคลต้องสงสัย คาดว่าน่าจะไหวตัวทันหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว สำหรับกลุ่มที่ก่อเหตุนั้น ชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง ระบุว่าเหตุที่เกิดขึ้นนี้มี 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ก่อเหตุปั๊มน้ำมัน ปตท. ต.บานา น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่ม นายอับดุลเลาะ มะเด ผู้ต้องหาที่มีหมายจับคดีความมั่นคงและเป็นแกนนำมือระเบิดในพื้นที่ ส่วนกลุ่มที่ก่อเหตุที่ปั๊มน้ำมันพีที น่าจะเป็นกลุ่มนายสุไลมาน สุหลง ผู้ต้องหาที่มีหมายจับคดีความมั่นคงและเป็นมือวางระเบิดในพื้นที่ อ.ปะนาเระ
พลตรีปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการชุดเฉพาะกิจในพื้นที่เข้ามาควบคุมที่เกิดเหตุทั้ง 2 จุด และให้ยกระดับรักษาความปลอดภัย 100% ซึ่งเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับการเตรียมการประชุมเอเปก หลังเกิดเหตุเมื่อคืนได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทันที รวมไปถึงเข้าคุมเข้มปั๊มน้ำมันกลุ่มเสี่ยง ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้เชื่อว่าจะดำเนินการจับกุมได้แน่นอน สิ่งที่คนร้ายก่อเหตุมีความพยายามทำลายภาพลักษณ์ด้านเศรษฐกิจหวังทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล ส่วนเหตุจูงใจในการก่อเหตุนั้น มีหลายปัจจัย เช่น 1.คนร้ายพยายามสร้างความรุนแรงที่ไม่ละความพยายามสร้างความเดือดร้อน โดยเฉพาะเหตุครั้งนี้คล้ายกันเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่คนร้ายก่อเหตุพร้อมกัน 20 จุด เริ่มจากทำร้ายคนหาของป่า ทำร้ายเจ้าหน้าที่ และลอบวางระเบิดปั๊มน้ำมัน ซึ่งกลุ่มพวกนี้ก็ยังคงดำเนินการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
2.การทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาลในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะช่วงนี้ใกล้การประชุมเอเปก จึงอยากฝากยังประชาชนว่า คนร้ายได้สร้างความเดือดร้อนความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน ฉะนั้นเจ้าหน้าที่จึงต้องบังคับใช้กฎหมายกับผู้ก่อเหตุเหล่านี้ เช่นกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดพร้อมกัน 20 จุดมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 8 ราย เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้บังคับใช้กฎหมายสามารถออกหมายจับคนร้ายได้จำนวน 17 หมาย 16 คนจับกุมได้แล้ว 6 คน และมี 1 รายเสียชีวิตจากเหตุปะทะ ล่าสุดจับกุม นายสูนสิบลี มะเซ็ง ตามหมายจับคดีลอบวางระเบิดปั๊มน้ำมันบางจาก ส่วนกลุ่มเห็นต่างออกมาประกาศจุดยืนว่าจะไม่สร้างความรุนแรงในช่วงการประชุมเอเปก แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่วางใจ เพราะที่ผ่านมายังคงเกิดเหตุต่อเนื่อง ซึ่งทางฝ่ายความมั่นคงต้องตรวจสอบอีกครั้งว่า เอกสารที่ประกาศนั้นเป็นของปลอมหรือของจริง